กางกลยุทธ์ธุรกิจ "แก๊ป อิงก์" ชูแบรนด์หลักยอดฮิต บุกตลาดทั่วโลก

 
สินค้าแฟชั่น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจาก ผู้บริโภคหันมาระวังการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่ง ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ในยุคที่ธุรกิจโลกกำลังขาดเสถียรภาพ หลายแบรนด์จึงจำเป็นต้องหันมาปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจกันอีกรอบ

แก๊ป อิงก์ (Gap) เป็นอีกหนึ่งบริษัทแฟชั่นที่เพิ่งออกมาประกาศแผนกลยุทธ์ใหม่เพื่อปรับปรุงธุรกิจโดยเฉพาะแบรนด์หลัก พร้อมอวดแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศและธุรกิจออนไลน์

เกลนน์ เมอร์ฟี่ ประธานและซีอีโอ ของแก๊ป อิงก์ เล่าว่า งบดุลที่แข็งแกร่งทำให้ บริษัทมีฐานะมั่นคงและจะประสบความสำเร็จในระยะยาว พร้อมสามารถยืดหยุ่นเพื่อรับกับบรรยากาศเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งนี้บริษัทจะเน้นการเพิ่มยอดขายของ แบรนด์หลัก อีกทั้งโอกาสสร้างการเติบโตของธุรกิจออนไลน์และธุรกิจในต่างประเทศไปพร้อมๆ กัน

แบรนด์วีก รายงานว่า สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่จะเน้นหนักในแบรนด์หลักนั้น แก๊ป อิงก์ ได้เผยแนวทางของแบรนด์ดังๆ ในเครือไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มจากแบรนด์แก๊ป ที่ช่วงปีที่ผ่านมาเน้นการสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ทั่วโลก ปรับกลุ่มเป้าหมาย ให้ดีขึ้น และนำเสนอสินค้าสไตล์อเมริกัน คลาสสิก ซึ่งแนวทางเหล่านี้ช่วยให้แก๊ปมีฐานะแข็งแกร่ง พรั่งพร้อมด้วยสินค้าสำหรับวันหยุด เพื่อดึงดูดลูกค้ากลับเข้าร้านแก๊ปอีกครั้ง ทั้งนี้กลยุทธ์การตลาดของแก๊ปเป็นการผสมผสานระหว่างแท็กติกทั่วไปและการคิดนอกกรอบ เช่น แทนที่จะยิงโฆษณาทางโทรทัศน์ในช่วงที่เหลือของปี แต่บริษัทกลับออกแคมเปญ "Vote for..." เพื่อจับเป้าหมายซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 85 ล้านคนทั่วอเมริกาปีนี้ ส่วนงานหลักของแก๊ปในปีหน้า คือการเพิ่มลูกค้า และพัฒนาการผลิต
 

ส่วนของ โอลด์ เนวี่ (Old Navy) กำลังเร่งยกเครื่องแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยกลยุทธ์ที่เน้นคอนเซ็ปต์ความสนุก (fun) ครอบครัว (family) และคุณค่า (value) ซึ่งในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โอลด์ เนวี่ ได้ปรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ และปรับตัวเองเป็นแบรนด์ที่มีพลัง ที่นำเสนอสินค้าดีๆ ในราคาเหมาะสำหรับเหล่าคุณแม่ที่ต้องช็อปเสื้อผ้าของคนทั้งครอบครัว นอกจากนี้ โอลด์ เนวี่ ยังกำหนดเป้าหมายสำคัญสำหรับปีหน้าคือการปรับปรุงการสรรหาสินค้า การเพิ่มจำนวนลูกค้า อีกทั้งยึดมั่นในการนำเสนอสินค้าทรงคุณค่า พร้อมออกแบบร้านสาขาแบบใหม่

ด้านฝั่งของ บานานา รีพับลิก (Banana Republic) ได้วางกลยุทธ์ระยะสั้นคือการเพิ่มลูกค้า ขณะที่แผนระยะยาวคือการตั้งเป้าเป็นแบรนด์หรูระดับโลกที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งพร้อมจะขยายทั้งไลน์สินค้า และบุกตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก บานานา รีพับลิก มีแผนการตลาดที่ต้องการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าวัยทำงาน คนเมืองวัย 30 ปีกว่าๆ ดังนั้น แบรนด์จะพยายามอวดโฉมในทุกสถานที่ ที่กลุ่มเป้าหมายรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนทั่วไป หรือชุมชนออนไลน์ ทั้งนี้เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ ในเครือแก๊ป บานานา รีพับลิก วาดฝันเพิ่มลูกค้าในปีหน้า และจำเป็นต้องฉีกแบรนด์ให้แตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมกับนำเสนอสินค้าที่ตรงกับภาพลักษณ์ของความเป็นแบรนด์บานานา รีพับลิก

ทั้งนี้ เพื่อการขยายกลุ่มลูกค้า ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ค่ายแฟชั่นรายนี้ได้เปิดสาขาแฟรนไชส์แก๊ป และบานานา รีพับลิก กว่า 100 แห่งทั่วโลก โดยนับถึงปัจจุบัน แก๊ป อิงก์ ได้เซ็นข้อตกลงไปแล้ว 21 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรปตะวันออก ละตินอเมริกา และรัสเซีย พร้อมกับเปิดร้านแก๊ป 78 แห่ง และสาขาบานานา รีพับลิก 31 แห่ง ใน 13 ประเทศ รวมทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดร้านในมอสโก อียิปต์ และจอร์แดน ในช่วงปลายปีนี้ด้วย ขณะที่ เป้าหมายสำคัญในปีหน้า คือการเปิดสาขาในเม็กซิโก บัลแกเรีย และโรมาเนีย

นอกจากตลาดทั่วไปแล้ว ธุรกิจ ออนไลน์ของแก๊ป อิงก์ ก็มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน โดยนวัตกรรมนี้ช่วย เชื่อมโยงแบรนด์ทั้งหมดในค่ายเข้าด้วยกัน พร้อมโชว์ จุดแข็งที่แตกต่างกัน ทั้งนี้จากรายได้สุทธิของธุรกิจออนไล์ในปี 2548 เพียง 595 ล้านดอลลาร์ แก๊ป อิงก์ สามารถดันยอดขายโตมาถึงระดับ 903 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีกลาย และคาดว่ายอดขายจะทะลุหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

ที่ผ่านมา แก๊ป อิงก์ ได้พยายามดึงดูดนักช็อปออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดเว็บไซต์เฉพาะ เช่น Piperlime เว็บแฟชั่นขายรองเท้าและกระเป๋า แนะนำตัว Universality ที่เปิดโอกาสให้ขาช็อปเลือกสรรสินค้าแบรนด์ดังในเครืออย่างจุใจ และงานหลักของปีหน้าก็คือ การผนวกเว็บ Atheleta เข้ากับแพลตฟอร์มของ Universality พร้อมกับเพิ่มสิ่งใหม่ให้กับ Universality ขยายเว็บ Piperlime อีกทั้งหาลู่ทางขยายธุรกิจออนไลน์ในตลาดแคนาดา และอังกฤษ







ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ