|
|
8 สิงหาคม 2558 |
อาหารไทยบูม"ไมเนอร์"เร่งเพิ่มสาขา เล็งแตกเซ็กเมนต์ใหม่/ส่งแคมเปญกระตุ้นโค้งท้าย
ไมเนอร์ฯเดินหน้าลุยรับโอกาสร้านอาหารไทยโตแรง จับมือเอสแอนด์พีเปิดเพิ่ม "ภัทรา" "สุดา" เจาะลูกค้าอังกฤษระดับบน เสริมทัพ "ไทยเอ็กซ์เพรส" ในสิงคโปร์ เล็งแตกเซ็กเมนต์ร้านอาหารไทยใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารจากต่างประเทศ
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานกรรมการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากนี้ไปไมเนอร์ฯมีนโยบายจะให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันรายได้ธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศให้เติบโตขึ้นจาก 30% เป็น 50% ภายในปี 2562
นอกจากการขยายสาขาร้านไทยเอ็กซ์เพรส ร้านอาหารไทยแคชวลไดนิ่ง ที่เน้นจับกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อระดับกลาง ที่มีตลาดใหญ่อยู่ในสิงคโปร์กว่า 80 สาขา ยังมีแผนจะขยายสาขาร้านภัทรา และสุดา ในประเทศอังกฤษ เพิ่มอีก 1-2 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ ที่เป็นความร่วมมือกับบริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัทร่วมทุน ภัทรา ไฟน์ ไทย คูซีน จำกัด จากปัจจุบันที่มีร้านภัทรา ในอังกฤษ 4 สาขา และสุดา 1 สาขา และมีโอกาสขยายความร่วมมือไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต
"ความร่วมมือกับเอสแอนด์พีทำให้เรามีร้านอาหารไทยเซ็กเมนต์ไฟน์ไดนิ่งที่เจาะลูกค้าระดับบนเพิ่มขึ้นมาต่อไปก็มองโอกาสที่จะพัฒนาร้านอาหารไทยในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ อาทิ รูปแบบควิกเซอร์วิส เรสเตอรองต์ เข้ามารับโอกาสการเติบโตเพิ่มเติม"
นายชัยพัฒน์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 35-40% ของรายได้รวม มีตลาดสำคัญในไทย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และจีน รายได้ส่วนใหญ่มาจากตลาดในประเทศ ที่หลัก ๆ ประกอบไปด้วย ร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี, ร้านไอศกรีม สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์ เป็นต้น ขณะที่ในประเทศสิงคโปร์ที่เป็นสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอาหารกว่า 13% รองจากไทย มีไทยเอ็กซ์เพรสเป็นแบรนด์สำคัญ
นอกจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจอาหาร สภาวะทางเศรษฐกิจในสิงคโปร์ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมทุกสาขาของธุรกิจร้านอาหารในประเทศสิงคโปร์ลดลง จึงชะลอการขยายสาขาและหันมาปรับรูปแบบร้านและเมนูอาหาร เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ขณะเดียวกันก็ได้ขยายสาขาไทยเอ็กซ์เพรสเข้าไปในจีน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีแบรนด์ริเวอร์ไซด์
"สำหรับในไทยจากปัญหาทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ดีนัก จากปัญหาหนี้ครัวเรือน การส่งออกที่ลดลง ราคาพืชผลการเกษตร และภัยแล้ง ทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาลดลงบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่มีกำไร คาดว่าการเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดในไตรมาส 3-4 จะช่วยให้ยอดขายเติบโตขึ้นได้บ้าง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไมเนอร์ฯพยายามหลีกเลี่ยงสงครามราคา ด้วยการพยายามนำเสนอเมนูอาหารและโปรโมชั่นแคมเปญใหม่ ๆ อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ที่ออกพิซซ่าหน้าใหม่ ชีสซี่ซอสเซจ ในกลุ่มพิซซ่าชีสซี่แมกซ์ ในราคา 299 บาท การจัดเซตพิซซ่าชุดอิ่มครบในราคา 399 บาท ที่เพิ่มเติมสลัดและไก่ทอด รวมทั้งมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 เป็นระยะ ๆ เพื่อผลักดันช่องทางการสั่งออนไลน์ หรือสเวนเซ่นส์ที่ออกรสชาติใหม่ ๆ ตามฤดูกาลอย่างไอศกรีมรสทุเรียน ต่อเนื่องจากรสมะม่วงที่เพิ่งจบเทศกาลไป เพื่อกระตุ้นยอดขายอีกทางหนึ่ง
ปีที่ผ่านมาไมเนอร์มีรายได้จากธุรกิจอาหาร 16,760 ล้านบาท จบไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ไมเนอร์ฯมีร้านอาหารในเครือรวมกว่า 1,727 สาขา และเป็นสาขาในต่างประเทศประมาณ 631 สาขา ไปเปิดในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก ขณะเดียวกันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก็เดินหน้ากลยุทธ์ร่วมขยายธุรกิจกับพาร์ตเนอร์ เช่น การร่วมทุนกับเอสแอนด์พีเปิดร้านอาหารไทยภัทรา และสุดาในอังกฤษ หรือการร่วมทุนกับเบร็ดทอล์ก ร้านเบเกอรี่จากสิงคโปร์ เพื่อขยายธุรกิจเบเกอรี่ในไทย
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|