|
|
8 ธันวาคม 2558 |
อินเด็กซ์ ปรับกระบวนทัพ เจาะหัวเมืองรอง-มุ่งออนไลน์
การแข่งขันในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์นั้นรุนแรงมากขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงซบเซา โดยเฉพาะสินค้าในตลาดแมสที่เน้นราคาจับต้องได้ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นระดับกลาง-ล่าง ที่ถือเป็นฐานขนาดใหญ่ ที่ทุกค่ายให้ความสำคัญ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในฐานะเจ้าใหญ่ในตลาดเฟอร์นิเจอร์เมืองไทย จึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งด้านการขยายสาขา การพัฒนาสินค้า และช่องทางตลาดออนไลน์
กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ กล่าวว่า ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในภาวะเศรษฐกิจขาลงนั้นแข่งขันกันรุนแรงมาก ในปี 2558 ถือว่ารุนแรงในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ โดยเฉพาะการตัดราคาขายสูงถึง 80-90% และจัดโปรโมชั่นถี่ขึ้น ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการหลายรายทำเพื่อให้ได้ยอดขายเข้ามา
“ผู้บริโภคไม่ค่อยกล้าจับจ่ายใช้สอย จึงทำให้ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หันมาเล่นทางด้านราคากันอย่างรุนแรง เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่รวดเร็ว ซึ่งเราก็คาดหวังว่าในช่วงเดือนสุดท้ายกำลังซื้อจะมีเข้ามามากขึ้นในกลุ่มสินค้าของตกแต่งบ้าน เพื่อมอบให้เป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ผลักดันยอดขายเติบโตตามเป้า 10%” กฤษชนก กล่าว
ขณะที่ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศไม่รวมส่งออกนั้น มีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ประเมินว่าตลาดในปี 2559 จะเติบโตเต็มที่ไม่เกิน 3-5% ขณะที่ในปีนี้ภาพรวมตลาดถือว่าทรงตัว โดยในช่วง 10 เดือนของปีนี้ บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 8,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตแล้ว 5% จากเป้ายอดขายทั้งปี 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนทั้งปีที่มียอดขายรวม 9,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการเปิดสาขาใหม่ในปี 2559 ตั้งเป้าว่าจะเปิดปีละ 3-5 สาขาใหม่ โดยจะเน้นไปที่จังหวัดหัวเมืองรอง เป็นโมเดลขนาดเล็กลง 5,000-7,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากเดิมที่เป็นขนาดใหญ่พื้นที่ 1 หมื่น ตร.ม.ขึ้นไป ซึ่งได้เริ่มใช้ที่สาขามหาชัย จ.สมุทรสาคร และที่ จ.นครศรีธรรมราช ใช้งบลงทุน 300-350 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซมากขึ้น หลังจากได้เริ่มทำมานาน 4 ปี ที่ผ่านมามียอดการขายสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวไม่ถึง 1% แต่ในปี 2559 ตั้งเป้ายอดขายจะมาจากช่องทางดังกล่าวนี้สูงถึง 200% เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคใหม่เปลี่ยนไป จะหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น คูปองส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาที่เปิดให้บริการ 25 สาขา ซึ่งมีสาขาที่เปิดใหม่ในปีนี้จำนวน 5 แห่ง ใช้งบลงทุนรวม 1,600-1,700 ล้านบาท นอกจากนี้มีแผนจะเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่ม โดยอยู่ระหว่างศึกษาตลาดอินโดนีเซียและอินเดีย ว่าจะดำเนินการในรูปแบบการขายแฟรนไชส์หรือเข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการรายอื่น
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดสาขาที่มาเลเซีย โดยได้ร่วมมือกับอิออน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตลาดที่นั่นในเวลานี้ค่อนข้างซบเซาเนื่องจากเศรษฐกิจแย่ มีการประกาศขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวตเป็น 10% ประกอบกับค่าเงินริงกิตมาเลเซียที่อ่อนค่าลงส่งผลให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูง แต่อนาคตคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ในปี 2559มีแผนจะเปิดสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ที่เมืองโฮจิมินห์ ใช้เนื้อที่ 5,000 ตร.ม.
พร้อมกันนี้ยังมองหาโอกาสในการเปิดสาขาในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย รวมไปถึงการขยายสินค้ารูปแบบเฮาส์แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของตกแต่งบ้าน คาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% สำหรับสิ่งที่เป็นคีย์ซัคเซสของอินเด็กซ์คือสินค้า สโตร์และบริการหลังการขายที่ทำให้ยังคงเป็นผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์ไทย
อ้างอิงจาก www.posttoday.com
|
|
|