|
|
|
|
23 ธันวาคม 2558 |
คาร์มาร์ท โละสินค้าไม่ทำเงิน แตกไลน์ธุรกิจบุกต่างประเทศ
"คาร์มาร์ท" ปรับโฟกัสสินค้า หั่น 1,500 รายการไม่ทำเงิน พร้อมทุ่มงบฯตลาดเพิ่ม 50% สู้ตลาดบิวตี้แข่งแรง ลุยแตกไลน์เมกอัพ อาหารเสริม สปา ขยายฐานลูกค้า เพิ่มน้ำหนักบุกต่างประเทศ
นายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำตลาด และสร้างยอดขายให้มากขึ้น ภายในปีหน้าบริษัทจะปรับลดสินค้าในพอร์ตโฟลิโอลงจาก 3,000 รายการ จำนวน 30 กว่าแบรนด์ ให้เหลือประมาณ 1,500 รายการ จาก 10 แบรนด์ เพื่อโฟกัสสินค้าที่สร้างรายได้ และแบรนด์ที่บริษัทพัฒนาเอง อาทิ เคธี่ดอลล์, เคธี่ ชู, เบบี้ไบรท์ เป็นต้น
พร้อมกับเพิ่มงบฯการทำตลาด 50% หรือประมาณ 150-180 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ฯลฯ และช่องทางออฟไลน์ อาทิ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ โฆษณาภายในร้าน ฯลฯ รวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ และเซเลบมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างการจดจำตราสินค้า ล่าสุดได้เปิดตัว คริส หอวัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ของเคธี่ ดอลล์ เรดี้ ไวท์ ซีรีส์
นอกจากนี้ยังแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เมกอัพกลุ่มโปรเฟสชั่นนอล เจาะลูกค้ากลุ่มคนทำงาน รวมถึงสินค้าอาหารเสริม และสปา เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น รองรับโอกาสการเติบโตจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายและใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น และจะเน้นการเพิ่มจุดขายในรูปแบบของแฟรนไชส์ ร้านคาร์มาร์ทช็อป และการขายส่ง โดยในปีหน้าจะเปิดคาร์มาร์ทช็อปเพิ่ม 15 สาขา จากปัจจุบันมี 70 สาขา, ตัวแทนจำหน่ายในเทรดิชั่นนอลเทรด 600 ร้าน, ช่องทางโมเดิร์นเทรด อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อความงาม เซเว่นอีเลฟเว่น ฯลฯ
"ตลาดสินค้าความงามเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาตลอดเวลา โดยเฉพาะแบรนด์ในตลาดล่าง ในขณะที่ตลาดบน แบรนด์ต่าง ๆ ก็มีการลงทุนสูง ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย และทำให้มูลค่ารวมของตลาดมีประมาณ 1 แสนล้านบาท"
นายพงศ์วิวัฒน์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน คาร์มาร์ทยังมีนโยบายที่จะเพิ่มน้ำหนักในการขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะมีการลงทุน 2 แบบ คือ การร่วมทุนพันธมิตรท้องถิ่น เข้าไปตั้งสำนักงานสาขาในจีน เวียดนาม และมาเลเซีย และการขยายผ่านแฟรนไชส์ ตั้งเป้าเปิด 5 สาขาในปีหน้า จากปีนี้ที่เปิดแล้ว 10 สาขา ในกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และลาว
"กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 40-50% ต่อปี สิ้นปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 1,400 ล้านบาท และภายใน 5 ปี จะมียอดขาย 5,000 ล้านบาท"นายพงศ์วิวัฒน์กล่าว
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
