คุณรุ่งโรจน์ กล่าวถึงความสำคัญของผู้จัดการร้านว่า “ธุรกิจ จะดีหรือไม่ดี ขึ้นกับผู้จัดการร้าน อันนี้พิสูจน์มาแล้ว ง่ายๆ สมมติว่าร้านของคุณมียอดขาย 3 ล้าน และเด็กไม่เคยลาออกเลย แต่พอมีผู้จัดการร้านมาใหม่ ยอดตก เด็กลาออกบ่อย อันนี้ปัญหา คือ ใคร และ คุณจะแก้ไขอย่างไร”
 

แต่ก่อนที่จะมีทีมงานที่แข็งแกร่ง คุณรุ่งโรจน์แนะนำว่า "จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของกิจการต้องมี วิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อกำหนดทิศทางการทำงาน  “Vision  หรือ วิสัยทัศน์องค์กร จะมาจากวัฒนธรรมขององค์กร เราคิดจากที่ว่า องค์กรของเราอยากให้เป็นแบบไหนเราจะสร้างตั้งแต่วันนี้  เขียนมาเพื่อให้ทุกคนเดินตาม อย่างเช่นของ ของบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ เจ้าของเบรนด์แฟรนไชส์เคเอฟซี ก็จะมีว่า We work together  หรือบางบริษัท ทำเป็นกลอนก็ได้ ประโยชน์ของการมีวัฒนธรรมองค์กรก็เพื่อให้คนในองค์กรทุกคนเดินทางในกรอบเดียวกัน อย่างร้านเราเล็กก็ทำได้นะครับ”คุณรุ่งโรจน์ อธิบาย

ผู้จัดการร้านควรมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง และผู้จัดการควรรู้ยอดขายของร้านหรือไม่ เป็นปัญหาที่หลายคนสงสัย  “ปรัชญาของการเป็นผู้จัดการร้านขั้นเทพ  ต้องมีความรู้ 5 ด้าน คือ  Know yourselfคือรู้จักความสามารถของตัวเอง, Know peopleรู้จักการบริหารจัดการคน, Know customerรู้จักกลุ่มลูกค้าของตัวเอง , Know saleรู้จักขบวนการสร้างยอดขาย, Know Profitรู้จักการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และบริการต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรให้ร้าน”

คุณรุ่งโรจน์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ก่อนที่จะให้ใครก็ตาม จะมาเป็นผู้จัดการร้าน เจ้าของกิจการต้องแน่ใจก่อนว่า เขาอยากเป็นไหม ต้องรู้ความตั้งใจของคนก่อนว่า เขาอยากเป็นผู้จัดการร้านหรือปล่าว  ถ้าผู้จัดการร้านไม่มีใจก็ยาก ฉะนั้นมันต้องมั่นใจว่า เขาตั้งใจอยากเป็นผู้จัดการร้านที่ดีแล้วเราก็ต้องปรับแนวคิดเขาก่อน  เมื่อได้แนวคิดแล้ว เราก็ต้องพูดเรื่องบทบาทของเขา ว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไร และหน้าที่ของผู้จัดการร้านจะต้องสอนระบบโค้ชชิ่งผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะลูกน้องจะทำงานเองไม่ได้ ถ้าหัวหน้างานไม่ฝึกสอนเขา และหัวหน้างานมีหน้าที่สนับสนุนให้ลูกน้องให้เก่ง เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุด ถ้าลูกน้องไม่ดี ไม่เก่ง ขึ้นอยู่กับใคร ก็ขึ้นอยู่กับผู้จัดการไม่สอนให้เก่งนั่นเอง”

“ผู้จัดการร้านต้องมีทักษะ ตั้งแต่แรก ในเรื่องของการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน เมื่อรับมาแล้วก็ต้อง เทรนคน คือปฐมนิเทศ  จัดเทรนนิ่งโปรแกรม  และมีประเมินผล และต้องมีบันทึกความเห็นว่าผ่านหรือไม่ผ่านอย่างไร การฝึกอบรม ก็จะมีทั้งด้านทฤษฎี  ฉายภาพให้ลูกน้องเห็นขบวนการของการทำงานในแต่ละงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งอบรมภาคปฏิบัติ มีการสาธิตให้ดู และทดลองทำ เช่น มีการสร้างโปรแกรมการ       เทรน เช่น ก่อนการทำงานในสัปดาห์แรก คือ ต้องมีตารางบอกเขาว่าแต่ละวันเขาต้องเรียนรู้อะไร วันแรก ให้รู้เรื่องประวัติกิจการวิชชั่นขององค์กร หรือ หลักปรัชญาของร้าน วันที่สองบริการต้อนรับลูกค้าเข้าร้าน  รู้การไหว้ รู้การบริการ วันที่สาม รู้เรื่องการเสิร์ฟ เรื่องลูกค้าการรับมือกับการติเตียนของลูกค้า  วันที่สี่ รู้เรื่องการเก็บโต๊ะ การทำความสะอาดร้าน เป็นต้น  ทีนี้พอครบ 7 วัน เป็นไง พนักงานใหม่ยังยิ้ม โอเครับได้ แต่ถ้าทำเหนื่อยๆ ดูไม่ไหว โอเคเชิญไปได้” 

คุณศรายุทธ ผมน้อย  หนึ่งในผู้เข้าอบรม ผู้จัดการร้านขั้นเทพ ครั้งที่ผ่านมา กล่าวว่า “ผมดูแลร้านอาหารและคีออสที่เอเชียทีค โกดัง 6  ขื่อร้านอาหารญี่ปุ่นไอชิ เครือบริษัทนีโอลูชั่น สิ่งที่อยากบอก ก่อนหน้านี้มีบางอย่างที่ผมมองไม่เห็นภาพว่าเราจะเดินการบริหารจัดการต่อไปยังไง การที่จะเป็นผู้นำการเป็นผู้จัดการร้าน เรื่องการเทรนนิ่ง รวมถึงทำยังไงให้ยอดขายเพิ่ม ได้มากกว่าที่เคยได้ การอบรมนี้ทำให้ผมเห็นภาพว่า เราจะเทรนทีมงานอย่างไรให้มองไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ร้านได้กำไรสูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่ผู้จัดการร้านบอกให้เขาทำว่าทำอะไรลูกน้องก็จะทำได้ตามที่บอก แต่สิ่งที่สำคัญคือการเป็นหัวหน้าผู้จัดการร้านคือการทำให้ดู การให้ความรู้ของวิทยากรเป็นภาพที่ทำให้เห็นชัดมากขึ้นจริงๆครับ”


คุณวีระเศรษฐกุล ไชยวงศ์  ผู้จัดการร้านที่มาไกลจากเชียงใหม่ บริษัท ฮอเรก้า  กิจการนำเข้าอาหารและเครื่องดื่ม  และมีร้านในเครือของบริษัท คือ ร้านเบียร์  “รีพับบลิค” และร้านพิซซ่า “UP2U” เปิดที่ถนนนินมาน จ.เชียงใหม่  กล่าวว่า “ก่อนมาผมคาดหวังไม่มาก ทีแรกก็คิดว่าจะเสียเวลา แต่เมื่อมาก็มาให้มันเสร็จซะ แต่เมื่อมาถึงแล้วมันคุ้มค่ามาก ประสบการณ์ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เราฟัง  เงินหาซื้อไม่ได้ครับ ต้องเรียนรู้ ต้องประสบเอง แต่อาจารย์เสียสละเวลามาถ่ายทอดให้เราฟัง ฉะนั้นความรู้ต่างๆแบกไว้ในสมองไม่หนัก ผมก็ยอมรับด้วยความจริงใจ”