นายซะดะโนบุ ทาเคะมะสุ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายปฏิบัติการ ลอว์สัน อิงค์ เจแปน ที่เพิ่งรับตำแหน่ง เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา กล่าวถึงแผนลงทุนในโอกาสเดินทางมาไทยว่า การลงทุนนอกประเทศญี่ปุ่นจะเปิด 3,000 แห่งภายในปี 2563 จากที่มีอยู่ 800 สาขาในจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฮาวาย ไทย

โดยในไทยตั้งเป้า 500 สาขา งบฯ 5 ล้านบาทต่อสาขา เพราะเห็นศักยภาพที่มีประชากร 70 ล้านคน ขณะที่จำนวนร้านสะดวกซื้อรวมกันต่อประชากรอยู่ที่ 1:7,000 ต่างจากญี่ปุ่นที่ 1:2,000 จึงยังมีโอกาสอีกมาก

 

ส่วนการนำโมเดลหรือ บริการใหม่ ๆ จากญี่ปุ่นเข้ามาจะพิจารณาจากความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก อาทิ บัตรสมาชิก และโซนขายยา ซึ่งโฟกัสขณะนี้อยู่ที่มุมครัวเป็นจุดขายที่สำคัญของลอว์สัน 
 

 

 

ภาพจาก  facebook.com/Lawson108

 

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด เพิ่มเติมว่า ลอว์สัน 108ในไทยมี 60 สาขา ตั้งแต่ต้นปีเปิดใหม่ 14 สาขา จะเปิดเพิ่มอีก 38 สาขา สิ้นปีมีทั้งสิ้น 98 สาขา ทั้งนี้การจะเปิดให้ได้ 500 สาขาจะมีทั้งลงทุนเองและแฟรนไชส์ ซึ่งปีนี้จะเริ่มเห็นสาขาแฟรนไชส์ 2-3 แห่ง 

 

"มีผู้สนใจแฟรนไชส์จำนวนมาก ทั้งรายใหญ่ที่พร้อมจะเปิด 5-10 สาขา และรายทั่วไปที่ต้องการเปิด 1-2 สาขา" 

 

ทั้งนี้ ทำเลที่เข้าไปมีตั้งแต่อาคารสำนักงาน สถานศึกษา ปั๊มน้ำมัน ที่พักอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวสถานีขนส่งมวลชน จะเริ่มขยายจากทำเลในกรุงเทพฯและปริมณฑลและบางจังหวัด

ปัจจุบันมีที่ชลบุรี นครราชสีมา อยุธยา โดยเน้นไปที่ภาคตะวันออกเพราะบริหารโลจิสติกส์สะดวก อย่างไรก็ตามสนใจจะลงทุนศูนย์กระจายสินค้า เพื่อรองรับจำนวนสาขาที่มากขึ้นในอนาคต


  

สำหรับการขยายสาขาในปั๊ม น้ำมัน ล่าสุดเปิดที่ซัสโก้ สาขาวิภาวดีรังสิต และถึงสิ้นปีจะมีเปิดในปั๊มเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกทำเลที่มีศักยภาพและไม่ได้เอ็กซ์คลูซีฟกับรายใด ซึ่งที่ผ่านมามีเปิดในซัสโก้ เอสโซ่ และคาลเท็กซ์

 

"ร้าน 108 ช็อปที่บริษัทบริหารเองมี 140 สาขาพาร์ตเนอร์บริหารเกือบ 300 สาขา ถ้าทำเลไหนพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนอาจจะเปลี่ยนเป็นลอว์สัน 108" 

 

ลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้นและยอดขายรวมเพิ่มขึ้นจาก 4 หมื่นบาทต่อวัน เป็น 4.7 หมื่นบาทต่อวัน โดยให้ความสำคัญสินค้าอาหารและเบเกอรี่ มีสัดส่วนประมาณ 70% ของสินค้า เพื่อสร้างความแตกต่าง

โดยร่วมกับซัพพลายเออร์ผลิตสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟมีสัดส่วน 15% ของสินค้า และนำเสนอเมนูใหม่ ล่าสุดเปิดตัวโฟรเซ่นราเมง และเมนูตามเทศกาล อาทิ ข้าวหน้าปลาไหลราคา 280 บาท และมุ่งเพิ่มบริการรับชำระค่าใช้จ่ายกว่า 100 รายการ

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ