โกเบิล อาร์ต รีโพสิชันนิง รุกแฟรนไชส์ เจาะตลาดภูธร 

 
"โกเบิล อาร์ต" ปรับโพสิชันนิง พลิกภาพโรงเรียนสอนศิลปะสู่สถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ หลังกระแสบอกต่อดันติดลมบน เผยพิษเศรษฐกิจ - การเมืองซัดหนักทำแผนรุกแฟรนไชส์ชะงัก หันปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนเจาะตลาดภูธร หวังผุด 15 สาขารวด
 

นายณณัฏฐ์ เขมโสภต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลเบิล อาร์ต แอนด์ ครีเอทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือเลิร์นบาลานซ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแฟรนไชส์โรงเรียนสอนศิลปะ "โกลเบิล อาร์ต" เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มปรับตำแหน่งผลิตภัณฑ์หรือโพสิชันนิงของโกลเบิล อาร์ตเป็นสถาบันสอนการคิด และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ จากเดิมที่มีภาพเป็นโรงเรียนสอนศิลปะ เพื่อให้ผู้ปกครองได้เห็นความสำคัญและพัฒนาการของเด็กหลังจากที่เข้าศึกษาแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ปกครองส่วนใหญ่รู้จักแบรนด์โกลเบิล อาร์ตจากการแนะนำ และบอกต่อจากผู้ปกครองด้วยกันเอง ที่เห็นพัฒนาการที่ก้าวหน้าของบุตรหลาน จึงสนับสนุนให้เรียนอย่างต่อเนื่อง
 

ขณะที่สถาบันเองก็พยายามปรับหลักสูตรให้มีความหลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครอง โดยปัจจุบันได้เพิ่มแพ็กเกจการเรียนเป็น 4 รูปแบบคือ รายเดือน , ราย 3 เดือน , ราย 6 เดือน และรายปี จากเดิมที่มี 2 รูปแบบคือ แบบรายเดือน และ 3 เดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกเรียนในระยะยาวประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มระดับการเรียนรู้ จากเดิมที่มีอยู่ 10 ระดับเป็น 13 ระดับ โดยได้เพิ่มหลักสูตรระดับสเกตชิ่ง เพนติ้ง และวาดภาพประกอบด้วย

อย่างไรก็ดีจากวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาด้านการเมือง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหนัก โดยเฉพาะแผนการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ ที่เดิมบริษัทจะเริ่มขยายแฟรนไชส์ตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่จากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ผู้สนใจด้านแฟรนไชส์ยกเลิกทั้งหมด แผนการดังกล่าวจึงต้องชะลอออกไป และล่าสุดบริษัทได้ปรับรูปแบบการลงทุนด้านแฟรนไชส์ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจ โดยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนลงและขยายโอกาสในการลงทุนด้านแฟรนไชส์ จากเดิมที่มุ่งเน้นการขยายสาขาในห้างสรรพสินค้า ย่านธุรกิจสำคัญ หันมาเจาะพื้นที่ในทำเลแหล่งการศึกษาในแต่ละภูมิภาค โดยเน้นให้เปิดบริการในอาคารพาณิชย์ พร้อมจัดห้องเรียนและหลักสูตรให้เหมาะสมกับตัวผู้เรียนเป็นหลัก

ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายๆต่างๆ ลงได้ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายในการขอร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเฉพาะค่าแฟรนไชฟี โดยผู้ลงทุนจะเสียค่าแฟรนไชฟี 2 แสนบาทต่อสัญญา 3 ปี หลังจากนั้นจะลดลงเหลือ 1 แสนบาทต่อสัญญา 3 ปี และหากต้องการดำเนินธุรกิจต่อ จะเป็นสัญญาปีต่อปี รวมทั้งค่ารอยัลตี ฟี ก็ปรับลดลง 30% ด้วย ส่งผลให้ผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนจะเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเพียง 3.5-5 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับค่าเช่าอาคาร)

"ช่วงเมษายนที่เกิดเหตุการณ์การเมืองรุนแรง ส่งผลกระทบมากเพราะลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมแฟรนไชส์กับเราต่างหยุดชะงักกันหมด ทำให้เราต้องเร่งปรับกลยุทธ์หาวิธีนำเสนอที่แตกต่าง และเริ่มเปิดตัวแฟรนไชส์รูปแบบใหม่นี้ในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถลงทุนได้ทันที โดยในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะมีสาขาใหม่ซึ่งเป็นของแฟรนไชส์เกิดขึ้น 3 สาขาคือที่สุราษฎร์ธานี นนทบุรี และระยอง"

นายณณัฏฐ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายสาขาได้อีก 15 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 49 สาขา มีนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 คน โดยยอดนักเรียนในต่างจังหวัดมีการเติบโตมากกว่าในกรุงเทพฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้ปกครองในต่างจังหวัดยังคงสูงขึ้น ไม่ลดลง

 
อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ