“โคคา สุกี้” ไม่หวั่นสงครามราคา ลุยไซซ์เล็กตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ แตกแบรนด์ “ข้าวหม้อใหม่ บาย โคคา” ยึดทำเลทองปั๊ม ปตท. ตัดริบบิ้นสาขาแรกต้น พ.ย.นี้ เล็งขายแฟรนไชส์ ดันร้าน “แม็งโกทรี” บุกใน-ต่างประเทศตั้งเป้าสิ้นปีรายได้โต 15%
 

ตลาดร้านอาหารมูลค่า 4 แสนล้านบาท ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องงัดกลยุทธ์ เพิ่มเมนูและโปรโมชั่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

 

 

ภาพจาก www.coca.com

นางสาวนัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของร้านอาหารโคคาสุกี้ และแม็งโกทรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เพื่อรองรับการแข่งขันของตลาดร้านอาหารที่เกิดขึ้น ยุทธศาสตร์ของร้านอาหารโคคา สุกี้ หลัก ๆ จะยังคงเน้นย้ำในเรื่องความเป็นพรีเมี่ยมที่ทุกคนสามารถเข้ามาทานได้ โดยสิ่งหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาที่โคคา สุกี้ ทั้ง 22 สาขา (ในและต่างประเทศ) ยังคงรักษาไว้ คือ เรื่องคุณภาพ เริ่มจากวัตถุดิบมีคุณภาพที่มีความสดใหม่และการปรุงด้วยวิธีดั้งเดิม

 

“ปัจจุบันวัตถุุดิบหลาย ๆ อย่าง เราได้ทำคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งกับกลุ่มเกษตรกร ในการปลูกผัก พริก ข้าว และผักต่าง ๆ ตามฤดูกาล วัตถุดิบทั้งหมดจะเป็นออร์แกนิก ล่าสุด ได้เตรียมทำซอสสุกี้จากพริกออร์แกนิก นอกจากนี้ ทุกสาขาจะใช้น้ำมันรำข้าวที่มีคอเลสเตอรอลต่ำในการปรุงอาหาร รวมทั้งการทยอยปรับปรุงและตกแต่งร้านให้มีความเป็นโมเดิร์น ด้วยบรรยากาศที่สบาย ๆ จากเดิมที่เน้นการตกแต่งให้หรูหรา”

 

สำหรับแนวทางการขยายสาขาโคคา สุกี้ จากนี้ไปจะมุ่งไปที่ร้านที่มีขนาดเล็กลง และมุ่งไปที่พื้นที่ชานเมืองเป็นหลัก นอกจากการรักษาฐานลูกค้ากลุุ่มเดิมซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปไว้แล้ว อีกด้านหนึ่งก็จะเน้นการขยายฐานลูกค้าออกไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ควบคู่กันไป ปัจจุบันโคคา สุกี้ ไม่ได้มีเพียงเฉพาะเมนูสุกี้เท่านั้น

แต่ยังมีเมนูเพิ่มทั้งอาหารไทยและอาหารจีนเพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 50 เมนู เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ที่ผ่านมาลูกค้าที่มาโคคาส่วนใหญ่จะนึกถึงเฉพาะสุกี้ แต่ปัจจุบันโคคา สุกี้ มีเมนูที่หลากหลายและมีมากกว่าสุกี้ มีทั้งอาหาร และติ๋มซำ อาหารจีน หรือสาขาในต่างจังหวัดจะมีต้มแซ่บเป็นต้น

 

นางสาวนัฐธารีกล่าวย้ำว่า กลยุทธ์หลักของโคคา สุกี้ คือ เน้นเรื่องวัตถุดิบให้มีคุณภาพ ไม่เน้นลดแลกแจกแถม การทำโปรโมชั่น จะไม่เน้นเรื่องราคา เพราะต้นทุนค่อนข้างสูงและเป็นพรีเมี่ยม ทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริษัทยุคใหม่ บริษัทยังอยู่พัฒนาแอปพลิเคชั่น ดีลิเวอรี่ และยังจับมือกับแกร็บ ฟู้ดแพนด้า เก็ท เพื่อส่งอาหารและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

 

 

ภาพจาก www.coca.com

นางสาวนัฐธารีกล่าวต่อไปว่า ล่าสุด บริษัทได้เตรียมเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ ชื่อ “ข้าวหม้อใหม่ บาย โคคา” มุ่งจับกลุ่มคนที่เริ่มมีครอบครัวอายุ 30 ปีต้น ๆ ใส่ใจสุขภาพ เป็นร้านอาหารที่นำเสนอเมนูอาหารที่หลากหลาย ราคาตั้งแต่ 90-140 บาท จะเปิดสาขาแรกในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่ปั๊ม ปตท. กิโลเมตรที่ 34 ถนนบางนา-ตราด ฝั่งขาออกและมีแผนจะเปิดเพิ่มตามปั๊มน้ำมันแถบชานเมืองต่อเนื่อง

เนื่องจากมองว่า ปัจจุปันปั๊ม ปตท.ขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้น และเปรียบเหมือนคอมมิวนิตี้มอลล์ มีผู้คนสัญจรเดินทางผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ที่คนไม่ได้แวะเติมน้ำมันหรือเข้าห้องน้ำเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญ คือ ค่าเช่าพื้นที่ในปั๊มแถบชานเมืองไม่แพงเหมือนกับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า นอกจากนี้ ยังมีแผนจะขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจด้วย เพียงแต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องซื้อวัตถุดิบจากเรา เพื่อเป็นการควบคุมเรื่องคุณภาพวัตถุดิบให้มีมาตรฐานเดียวกัน

 

 

ภาพจาก bit.ly/2BvOTYV

นางสาวนัฐธารียังกล่าวถึงร้านอาหารไทยแม็งโกทรี ที่ปัจจุบันมีสาขา 46 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า จากนี้ไปมีแผนจะขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุด ได้เตรียมเปิดร้านแม็งโกทรี คาเฟ่ ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเดิมสาขาที่ญี่ปุ่นจะมีเฉพาะร้านแม็งโกทรี เรสเตอรองต์ โดยที่ผ่านมาจะเน้นการเปิดให้บริการในต่างประเทศและมีการเติบโตค่อนข้างรวดเร็ว เนื่องจากคนต่างชาตินิยมรับประทานอาหารไทย โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและอังกฤษ ล่าสุด เพิ่งเปิดแม็งโกทรี คาเฟ่ และแม็งโกทรี แกร็บแอนด์โก ที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์

 

ปัจจุบันร้านแม็งโกทรี มี 5 โมเดล ได้แก่ แม็งโกทรี เรสเตอรองต์ เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ, แม็งโกทรี บิสโทร ร้านอาหารไทยสไตล์แฮงเอาต์, แม็งโกทรี คาเฟ่ ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า,แม็งโกทรี คิตเช่น ร้านอาหารจานด่วนและแม็งโกทรี แกร็บแอนด์โกที่เน้นจำหน่ายอาหารพร้อมทาน แต่ละโมเดลของแม็งโกทรีจะมีระดับราคาและรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกันไป เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมหลายเซ็กเมนต์ จากเดิมที่แม็งโกทรีจะมีเฉพาะสาขาในรูปแบบแม็งโกทรี เรสเตอรองต์ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเฮนด์เป็นหลัก

 

พร้อมกันนี้ นางสาวนัฐธารียังให้ข้อมูลด้วยว่า ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากแบรนด์โคคา และแม็งโกทรี ที่เปิดในต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย อังกฤษ ฯลฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนอีก 30% มาจากสาขาในประเทศ สิ้นปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 15% รายได้หลักจะมาจากแบรนด์แม็งโกทรีประมาณ 75% โคคา สุกี้ 25% และในอนาคตจะบาลานซ์สัดส่วนทั้ง3 แบรนด์ คือ แม็งโกทรี โคคา สุกี้ และข้าวหม้อใหม่ ให้มีสัดส่วนที่เท่ากัน


อ้างอิงจาก https://www.prachachat.net