“คลินิกแก้หนี้” ขานรับ ธปท.ขยับเกณฑ์ใหม่ “หนี้บัตรใบเดียวหรือหลายใบ ให้คลินิกแก้หนี้ดูแล” ประกาศผนึก 35 สถาบัน สร้างเครือข่ายช่วยคนเป็นหนี้เสียสารพัดบัตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินให้ประชาชน เบ็ดเสร็จจุดเดียว
โครงการ “คลินิกแก้หนี้” เดินหน้าช่วยประชาชนที่เป็นหนี้เสียสารพัดบัตรอย่างต่อเนื่อง ขานรับนโยบายล่าสุดจาก ธปท. “หนี้บัตรใบเดียวหรือหลายใบ ให้คลินิกแก้หนี้ดูแล” ขยับปรับเกณฑ์ใหม่ให้โอกาสคนเป็นหนี้เสียกับเจ้าหนี้แม้เพียงแห่งเดียวก็สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยผนึก 35 สถาบันทั้งภาครัฐและเอกชนสร้างเครือข่ายช่วยคนเป็นหนี้เสียสารพัดบัตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว
นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า โครงการ “คลินิกแก้หนี้” เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขานรับนโยบาย “หนี้บัตรใบเดียวหรือหลายใบ ให้คลินิกแก้หนี้ดูแล” จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเกณฑ์ใหม่ เปิดโอกาสให้คนที่เป็นหนี้เสียสารพัดบัตรกับธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Non-Bank) ที่ร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้เพียง 1 แห่ง ก็สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด จากเดิมกำหนดให้ผู้ที่มีปัญหาหนี้เสีย ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปจึงจะเข้าเกณฑ์ นับว่าเป็นการปรับเพื่อเปิดโอกาสช่วยประชาชนที่มีปัญหาหนี้เสียได้ในวงกว้างขึ้น โดยเกณฑ์ใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้ คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียวและมีคุณสมบัติไม่ตรงตามหลักเกณฑ์เดิม
นายนิยต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ คลินิกแก้หนี้ยังได้ผนึก 35 สถาบัน สร้างเครือข่ายช่วยคนเป็นหนี้เสียสารพัดบัตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นับเป็นโอกาสที่ดีของประชาชนที่เป็นหนี้เสียกับสถาบันที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยแบ่งเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 16 แห่ง ได้แก่
- ธ.กรุงเทพ
- ธ.แห่งประเทศจีน
- ธ.ซีไอเอ็มบีไทย
- ธ.ซิตี้แบงก์
- ธ.ไอซีบีซี
- ธ.กสิกรไทย
- ธ.เกียรตินาคิน
- ธ.กรุงศรีอยุธยา
- ธ.กรุงไทย
- ธ.ไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
- ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
- ธ.ไทยพาณิชย์
- ธ.ธนชาต
- ธ.ทิสโก้
- ธ.ยูโอบี และ
- ธ.ทหารไทย
และกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน ที่เรียกว่า Non-Bank 19 แห่ง ได้แก่
- จี แคปปิตอล
- เจ มันนี่
- เซ็นทรัล เดอะวัน
- ซัมมิท แคปปิตอล
- สินเชื่อซิตี้คอร์ป
- บัตร เทสโก้
- นครหลวง แคปปิตอล
- เคทีซี
- บัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา
- พรอมิส
- เมืองไทย แคปปิตอล
- แมคคาเล กรุ๊พ
- ศักดิ์สยามลิสซิ่ง
- กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
- บัตรอิออน
- ยูเมะพลัส
- เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง
- สินเชื่อ ไอทีทีพี และ
- เอ มันนี่
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นหนี้เสีย หมายถึงไม่ได้ชำระหนี้หรือไม่ได้ชำระขั้นต่ำ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารหรือผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือที่เรียกว่า Non- Bank ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นระยะเวลานานติดต่อกันมากกว่า 90 วันและก่อนวันที่ 1 มกราคม 2562
- ไม่ถูกดำเนินคดีหรือถูกดำเนินคดีอยู่ แต่ต้องยังไม่มีคำพิพากษา
- มียอดหนี้เงินต้นค้างชำระ รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
- เป็นบุคคลธรรมดา อายุไม่เกิน 65 ปี ที่มีรายได้
ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ผ่านเงื่อนไข โครงการ “คลินิกแก้หนี้” จะได้รับประโยชน์ในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนในจำนวนที่น้อยลง ด้วยอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนและคงที่ 4-7% ในระยะเวลายาวนานสูงสุดถึง 10 ปี ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน สามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวและมีชีวิตใหม่ที่สดใสขึ้น
สำหรับผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น. หรือสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ผ่านเว็บไซต์ได้ที่
www.คลินิกแก้หนี้.com และ
www.debtclinicbysam.com แอดไลน์ @debtclinicbysam ติดตามข่าวสารได้ที่ เฟซบุ๊ก คลินิกแก้หนี้ และ ยูทูบ Debtclinicbysam