แฟรนไชส์ (Franchise) vs เชนสโตร์ (Chain Store)
แฟรนไชส์ (Franchise)
- แฟรนไชส์ซอร์อนุญาตให้แฟรนไชส์ซีใช้สินค้า/บริการ และระบบธุรกิจรูปแบบเดียวกัน
- แฟรนไชส์ซอร์สนับสนุนในด้านต่างๆ เช่นการฝึกอบรม การตลาด และเทคโนโลยี
- แฟรนไชส์ซีมีอิสระในการบริหารสาขาภายใต้เงื่อนไขของแฟรนไชส์ซอร์
- ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แฟรนไชส์ซอร์เป็นค่าสิทธิ์ในการใช้แบรนด์และระบบ
ตัวอย่างธุรกิจ 7-Eleven, Cafe amazon , เชสเตอร์
- เจ้าของ แฟรนไชส์ซอร์ (เจ้าของแบรนด์) และแฟรนไชส์ซี (เจ้าของสาขา)
- การบริหาร แฟรนไชส์ซีบริหารตาม เงื่อนไขแฟรนไชส์ซอร์
- พนักงาน แฟรนไชส์ซีเป็นผู้จัดหาและฝึกอบรม
- ข้อดี ความเสี่ยงต่ำ, แฟรนไชส์ซีได้รับการสนับสนุนจากแฟรนไชส์ซอร์
- ข้อเสีย ต้องทำตามเงื่อนไขของแฟรนไชส์ชอร์ จ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์รายเดือน/รายปี
เชนสโตร์ (Chain Store)
- ธุรกิจมีหลายสาขาภายใต้ชื่อเดียวกัน และมีรูปแบบการดำเนินงานที่เหมือนกัน
- สำนักงานใหญ่เป็นผู้วางแผนการบริหารจัดการเกือบทุกอย่างให้แต่ละสาขาย่อย
- พนักงานได้รับการอบรมจากส่วนกลางเพื่อให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- หน้าที่หลักของแต่ละสาขาย่อยมุ่งเน้นไปที่ การดำเนินงานที่หน้างาน เช่น การขาย
ตัวอย่างธุรกิจ โลตัส, แม็คโคร, บิ๊กซี
- เจ้าของ บริษัทเดียว เป็นเจ้าของทุกสาขา
- การบริหาร สำนักงานใหญ่วางแผน การบริหารจัดการให้แต่ละสาขา
- พนักงาน ส่วนกลางจัดหาและฝึกอบรมพนักงาน
- ข้อดี อำนาจต่อรองสูงกับซัพพลายเออร์ การบริหารมีประสิทธิภาพจากส่วนกลาง
- ข้อเสีย การขยายสาขาเชนสโตร์ ไม่การันตีกำไร ได้เหมือนกันทุกสาขา แม้มีมาตรฐานเดียวกัน
รู้ไว้ใช่ว่า
วิจัยกรุงศรีเผยจำนวนธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern trade) ในไทย ปี 2566 มี 20,000 สาขา มูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท สัดส่วน 15.7% ของ GDP คาดการณ์ปี 2567-2569 มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 5-5.5%
ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.ค. 2567