ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นทิศทางของกลุ่มผู้ให้บริการน้ำมันทั้ง ปตท., บางจาก, เชลล์ ฯลฯ ที่หันมาให้น้ำหนักในธุรกิจ "น็อนออยล์" (Non Oil) หรือบริการเสริมในปั๊มน้ำมันมากขึ้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดเป็นของค่าย "บางจาก" ที่ประกาศรุกธุรกิจค้าปลีกอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรให้สูงขึ้น บวกกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้ปั๊มน้ำมันวันนี้กลายเป็น "คอมมิวนิตี้" ที่เป็นโอกาสมหาศาลของผู้ให้บริการน้ำมันเหล่านี้

 

ที่ผ่านมาปั๊มน้ำมันบางจากทยอยดึงร้านอาหารแบรนด์ดัง บริการด้านการเงินและโทรคมนาคม เข้ามาเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า เสริมความครบครันด้านธุรกิจค้าปลีกเป็นระยะ ๆ และตั้งแต่ต้นปีก็เดินเครื่องด้วยการเปิดตัว "มินิบิ๊กซี" มาเป็นอีกแม็กเนตดึงทราฟฟิก เร็ว ๆ นี้ยังมีแผนที่จะเปิดตัวพันธมิตรรายใหม่ เพื่อรุกเข้าไปสู่ธุรกิจคอมมิวนิตี้มอลล์อีกด้วย 

 

 

นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทสนใจที่จะพัฒนาค้าปลีกโมเดล

 

ใหม่ๆ อย่างเช่น คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่มีทั้งช็อปปิ้งมอลล์ ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันในบริเวณเดียวกัน สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่มีความต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจกลุ่มน็อนออยล์ (Non Oli) ระหว่างปี 2556-2558 ขยับเป็น 15% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ดังนั้นจึงต้องขยายสเกลการลงทุนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งปัจจุบันมีโนว์ฮาวด้านค้าปลีกอยู่บ้าง จากธุรกิจเสริมที่มีให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง อาทิ ร้านกาแฟอินทนิล, ใบจาก มินิมาร์ท, ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรีนเซิร์ฟ และบริการล้างรถ กรีนวอช เป็นอีกธุรกิจที่ทำรายได้เพิ่มเติมจากบริการน้ำมัน
 

 
 

จากแนวทางดังกล่าว อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านรีเทล ทำการศึกษาสถานีบริการน้ำมันบางจาก 10 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แผนคือเลือก 2 ทำเลที่มีศักยภาพพัฒนาเป็นมอลล์ที่วางไว้ 2 โมเดลตามทำเลที่ตั้ง รูปแบบแรกเรียกว่า "ซิตี้มอลล์" ใช้พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง ส่วนอีกรูปแบบเรียกว่า "เรสต์ แอเรีย" (Rest Area) ใช้พื้นที่ 3 ไร่ คาดว่าภายใน 2 เดือนข้างหน้า จะเห็นความชัดเจนในแง่ของพันธมิตรและทำเลที่จะลงทุน ซึ่งไตรมาส 4 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและเปิดให้บริการภายในปี 2557 
 

"แนวคิดเบื้องต้นต่อสาขาน่าจะใช้งบฯลงทุนมากกว่า 10 ล้านบาท ลงทุนเยอะ ตอนนี้เริ่มคุยกับพาร์ตเนอร์ เซอร์เวย์ทำเล เรามีพื้นที่ให้เขาเลือก ทางนั้นก็มีที่ดินและมอลล์อยู่แล้ว ก็เสนอให้เราเอาปั๊มเข้าไปเปิดเหมือนกัน ถ้าทำเลดีมั่นใจว่าใคร ๆ ก็อยากมาเปิดกับเรา เดี๋ยวนี้ร้านค้าสนใจขยายสาขาสแตนด์อะโลนเยอะขึ้น พื้นที่บางส่วนจะเป็นแบรนด์ที่บางจากพัฒนาขึ้นเอง แต่คงเลือกวางแบรนด์ที่เหมาะกับทำเล อาจจะเป็นร้านกาแฟ มินิบิ๊กซี หรือคาร์แคร์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ต้องการเข้ามาแล้วมีครบ"

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บางจากได้เซ็นสัญญาขยายความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาวแบบ Exclusive Partner กับบิ๊กซี ในการร่วมกันพัฒนาร้านมินิบิ๊กซีในสถานีบริการน้ำมันบางจาก มีร้าน 2 ขนาดคือ 150 ตร.ม. และ 200 ตร.ม. ปีนี้ต้องการเปิดให้ได้ 70 สาขา และเป้าหมายจะเปิดครบ 300 สาขาในปี 2558 และ 500 สาขาในปี 2561 รวมทั้งมีโครงการที่จะเปิดสถานีบริการน้ำมัน ร้านกาแฟอินทนิล และคาร์แคร์ในบิ๊กซี ปัจจุบันนำร่องจากร้านกาแฟเปิดไปแล้ว 6 สาขา 

 

นายยอดพจน์กล่าวถึงความคืบหน้าดังกล่าวว่า จากนี้จะเดินหน้าขยายสาขา ปัจจุบันมี "มินิบิ๊กซี" ในปั๊มบางจาก 12 สาขา ซึ่งพบว่าช่วยให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8% บางทำเลเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 20% ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มี 70 สาขา และปี 2557 จะเปิดเพิ่มให้ครบ 200 สาขา โดยสาขาใหม่ที่จะเปิดนั้นจะใช้แบรนด์มินิบิ๊กซีทั้งหมด และได้ทยอยยกเลิกแบรนด์ "ใบจากมาร์ท" และ "เลมอนกรีน" จากที่มีอยู่ 100 แห่ง ขณะนี้ได้ทยอยปรับไปแล้ว 28 สาขา สิ้นปีนี้จะเหลือ 50 สาขา และปี 2557 น่าจะเปลี่ยนครบทั้งหมด 
 

 
 

อย่างไรก็ตามยังคงมีพื้นที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นในมินิบิ๊กซี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบางจาก ส่วนเลมอนฟาร์มเป็นอีกพาร์ตเนอร์และผู้เช่า ยังคงมีการขยายสาขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจุบันมี 7 สาขา

 

"ภายใน 3 เดือนนี้จะเปิดมินิบิ๊กซีอีก 27 แห่ง จุดแข็งของมินิบิ๊กซีก็คือ แบรนด์ที่แข็งแรง สินค้าที่มีวาไรตี้ เฉลี่ย 3,000-4,000 เอสเคยู ขณะที่ใบจากมาร์ทมี 2,000 เอสเคยู ลูกค้าที่เดิมเคยซื้อสินค้าไม่กี่อย่าง ก็จะแวะซื้อถี่ครั้งขึ้น วอลุ่มการซื้อของในร้านค้ามากขึ้น ส่งผลมาที่ยอดขายน้ำมันก็จะโตตามด้วย เป้าหมายของบิ๊กซีต้องการขยายสาขาไซซ์เล็กให้ได้ 1,000 สาขาในปี 2560 ซึ่งต้องการช่องทางใหม่ ๆ ฐานลูกค้าของเราและบิ๊กซีสามารถแชร์กันได้ จากการทำตลาดร่วมกันหรือ Cross Selling" 

 

 

สำหรับแบรนด์ร้านกาแฟ "อินทนิล" นั้น นายยอดพจน์กล่าวว่า ปัจจุบันมี 257 สาขา ตั้งแต่ต้นปีเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 15 สาขา สิ้นปีนี้จะมีทั้งสิ้น 320 สาขา เป้าหมายเปิดครบ 500 สาขาในปี 2558 หลัก ๆ จะเน้นขยายแฟรนไชส์ตามสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล ทั้งนี้จะเพิ่มจุดขายใหม่ ๆ อาทิ อาหารแช่แข็ง ฯลฯ รวมถึงมีแผนขยายไปยังต่างประเทศ ในรูปแบบลงทุนเองและแฟรนไชส์ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาที่ประเทศพม่า คาดว่าจะเห็นอย่างน้อย 2 สาขาภายในปีนี้

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ