เอไอเอ ขยายฐานธุรกิจในไทย แตกไลน์ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทุ่ม 6,000 ล้านบาท เปิดโปรเจกยักษ์ “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์” (AIA Capital Center) อาคารสำนักงานระดับเกรดเอ และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า เพียงแห่งเดียวบนถนนรัชดาฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โครงการยักษ์อสังหาฯ มั่นใจอนาคตรุ่งด้วยจุดเด่นทำเลทอง ดีไซน์ล้ำสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมเปิดตามแผน พร้อมให้ผู้เช่าย้ายเข้าในเดือนมิถุนายน 2557

 

นายอนุชา เหล่าขวัญสถิตย์ ผู้จัดการทั่วไป และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย เผยถึงเหตุผลที่กลุ่มบริษัทฯ ตัดสินใจเพิ่มไลน์ธุรกิจจากเดิมที่มีเพียงประกันชีวิต ขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า “จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 75 ปีของ เอไอเอ เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนา และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต กลุ่มบริษัทฯ จึงจัดสรรงบประมาณการลงทุน จำนวนกว่า 6,000 ล้านบาท สำหรับการบุกเบิกธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เริ่มต้นด้วยโครงการ “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์” อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าเกรดเอแห่งเดียวบนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีมาก เพราะตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะสนับสนุนให้ฐานธุรกิจของเราแข็งแรง และเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงในอนาคต นอกเหนือไปจากธุรกิจประกันชีวิต ที่เป็นธุรกิจหลัก”

 

“กลุ่มบริษัทฯ ของเราตัดสินใจลงทุนสำหรับโครงการนี้ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่แห่งนี้ จะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจของประเทศไทยแห่งใหม่อย่างแน่นอน ด้วยสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม เพราะอาคารอยู่ติดกับที่ทำการแห่งใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปรียบเหมือนกับย่านวอลล์ สตรีท ในประเทศสหรัฐอเมริกา และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จึงเป็นปัจจัยที่แข็งแรงที่ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นทำเลทอง”

 

โครงการ “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์” เป็น 1 ใน 2 โครงการขนาดใหญ่ในไลน์ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจ “เอไอเอ” โดยอาคารสำนักงานแห่งนี้ อยู่บนที่ดินเกือบ 10 ไร่ มีความสูง 34 ชั้น ในแต่ละชั้นจะมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1,700 -1,800 ตารางเมตร โดยจัดสรรพื้นที่ให้เช่าเป็นสำนักงานเกรดเอทั้งสิ้น 54,000 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าปลีกอีกเกือบ 5,000 ตารางเมตร รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น กว่า 100,000 ตารางเมตร ครบครันทั้งธนาคาร, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ศูนย์ออกกำลังกาย และร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น

 

นายอนุชา ย้ำว่า “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ นับเป็นอาคารสำนักงานที่มีการออกแบบที่ล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยที่เอไอเอตั้งใจจะสร้างอาคารนี้ให้เป็นอาคารสำนักงานที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในด้วยการใช้พลังงาน และที่สำคัญ จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย”

 

“อาคารของเรามีการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม และตกแต่งพื้นที่สีเขียวที่ให้ประโยชน์ทางด้านกายภาพ และทางด้านจิตใจให้กับผู้ใช้อาคารและชุมชน กล่าวคือ ทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่สีเขียวของอาคารเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ เสมือนเป็นสวนพักผ่อนในเมือง สามารถจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้อาคารและชุมชนได้”

 

“อาคารของเรามีการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก บนระเบียงที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ และยังมีสวนพักผ่อนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารค้าปลีก โดยได้นำระบบที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการออกแบบ รวมถึงระบบประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเลือกใช้วัสดุที่มีความทันสมัย ทนทาน ง่ายต่อการดูแลรักษาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเน้นในเชิงอนุรักษ์พลังงาน เช่น ผนังกระจกภายนอกอาคารเป็นผนังกระจก ชนิดกระจก Insulated Laminated Low-E กระจก 3 ชั้น ป้องกันรังสีความร้อน และคลื่นเสียงที่จะเข้าสู่ภายในอาคาร”

 

จากแนวคิดที่จะสร้างสรรค์ให้อาคารแห่งนี้เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างสูง คือในระดับโกลด์ จากสถาบัน LEED (The Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นสถาบันด้านอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในขณะนี้ และจะเป็นอาคารที่เต็มไปด้วยความพิเศษต่างๆ ที่สร้างสรรค์ให้เป็นอาคารเขียวที่สมบูรณ์แบบ แตกต่างไปจากอาคารทั่วไป

 

หนึ่งในจุดเด่นของ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ อยู่ที่ความสูง โล่ง โปร่ง โดยแต่ละชั้นจะสูงจากพื้นจนถึงเพดาน 3 เมตร ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในตลาดอาคารสำนักงาน (อาคารสำนักงานเกรดเอทั่วไปสูง 2.75-2.90 เมตร) และยังมีการออกแบบให้ปราศจากเสาในพื้นที่สำนักงานด้วย นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นที่ล็อบบี้ต้อนรับที่ตกแต่งอย่างทันสมัย และมีความสูงโปร่งถึง 9 เมตร ราคาเช่าพื้นที่อยู่ที่ 650-700 บาท/ตารางเมตร/เดือน

 

นายอนุชากล่าวต่อไปว่า“นอกจากนี้ ในเรื่องการเดินทาง นับว่าสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่งสำหรับทั้งผู้เช่าและพนักงาน โดย “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์” อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพียง 50 เมตร นอกจากนี้ สำนักงานแห่งใหม่นี้ยังรายล้อมไปด้วย ศูนย์การค้าและห้างสรรสินค้าชั้นนำ อาทิ เอสพลานาด, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดาภิเษก, คอมมูนิตี้มอลล์ รัชดาภิเษก, เทสโก้ โลตัส, ฟอร์จูน, เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ตลอดจนโรงแรมและอาคารที่พักอาศัยจำนวนมาก ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน และแอร์พอร์ตลิงก์อีกด้วย”

 

“โครงการ ‘เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์’ จะแล้วเสร็จพร้อมให้ผู้เช่าย้ายเข้ามาใช้งานได้ในเดือนมิถุนายน 2557 ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน และนี่จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับกลุ่มบริษัทเอไอเอที่จะเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงในอนาคต” นายอนุชา ทิ้งท้าย

 

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 17 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิค ทั้งในประเทศฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ ฟิสิปปินส์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เวียดนาม นิวซีแลนด์ มาเก๊า และบรูไน และเป็นผู้ถือหุ้น 97% ในบริษัทในเครือในประเทศศรีลังกา และถือหุ้นร่วมทุน 26% ในประเทศอินเดีย อีกทั้งยังมีสำนักงานผู้แทนในประเทศพม่า

 

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อกว่า 90 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิตและเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ ในภูมิภาคโดยมีสินทรัพย์รวม ณ 30 พฤศจิกายน 2555 ที่ 134,439 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์การออมเงินและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ การประกันชีวิต และการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทนฯและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 25 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 13 ล้านคน

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ 1299 สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY

อ้างอิงจาก  newswit.com