เป็นสัญญาที่อยู่ภายใต้มติ ครม. ทำให้ภารกิจการบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเป็นของกทม. ซึ่งขณะนี้มติครม.ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง รฟท.ก็จะต้องยึดมติครม.ดังกล่าวอยู่

 

การที่รฟท.ประกาศกับผู้ค้า ผู้เช่าช่วงว่าไม่มีการปรับขึ้นค่าเช่าแผงนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า รฟท.ไม่มีความจริงใจ มีเจตนาที่จะเข้ามาบริหารจัดการตลาดเองตั้งแต่แรก เพราะการประกาศว่าไม่ขึ้นค่าเช่าแผงก็ต้องไม่ขึ้นค่าเช่าที่กับกทม.ด้วย

 

ซึ่งหากรฟท.เข้ามาบริหารจัดการและเก็บค่าเช่าในอัตราเดิมจะทำให้รฟท.มี รายได้ เพียงแค่ 30 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น จากการคิดค่าเช่าแผงของผู้ค้ารายเดิมในอัตราต่ำสุดที่ 120 บาทต่อตร.ม.

 

ซึ่งยังไม่ถึงกับราคาคาเช่าที่กทม.ได้เสนอไปที่ 79.5 ล้านบาทต่อปี และการให้มีรายได้เข้ามาถึง 420 ล้านบาทต่อปี รฟท.อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของตลาดใหม่อาจถึงขั้นต้องทำเป็นห้าง สรรพสินค้า

 

กทม.ยังยืนยันจุดเดิมสำหรับราคาค่าเช่าที่ 79.5 ล้านบาทต่อปี ตามราคาค่าเช่าที่รฟท.ปล่อยเช่ากับองค์การตลาดเพื่อการเกษตร หาก รฟท.ไม่ยินยอมและเข้าพื้นที่ไปดำเนินการบริหารจัดการตลาดทันที ก็คงใช้ขั้นตอนทางกฎหมาย

 

โดยต้องมีคำสั่งจากศาลหรือมีการเปลี่ยนแปลงมติ ครม.ออกมา กทม.ถึงจะออกจากพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กทม.ได้ให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมรวบรวมรายละเอียดหลักฐานต่างๆ เพื่อต่อสู้หากเป็นคดีข้อพิพาท ทั้งเรื่องของสัญญา มติครม. และอัตราค่าเช่าที่เหมาะสม