ประวัติความเป็นมา ATME
เป็นที่ตระหนักดีว่าอุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่น เช่น มีการจ้างงานการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น อีกทั้งเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในภาครัฐบาลก็ให้ความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดย่อมมากโดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค
เพื่อสนองนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐบาล และเพื่อสร้างหรือพัฒนาศักยภาพ ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้สูงขึ้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ขึ้น โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2523 เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถและจิตวิญญาณของผู้ประกอบการให้สามารถประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่แล้ว (Existing Entreprencur) หรือผู้ที่ปรารถนาจะเข้าประกอบการในอนาคตอันใกล้ (Potential Entrepreneur) เข้ามาร่วมในโครงการนี้
โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการมาแล้วทั้งสิ้น 127 รุ่น ใน 46 จังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยในภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ พิษณุโลก ตาก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ น่าน ภาคกลาง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครปฐม ราชบุรี ปราจีนบุรี กรุงเทพฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครพนม หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เลย อุบลราชธานี หนองคาย ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี ยะลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง ภูเก็ต ปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกอบรม เชิงปฏิบัติการแล้วจำนวน 4,249 คน
การฝึกอบรมแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 23 วัน โดยมีผู้เข้าฝึกอบรมประมาณ 30-40 คน ประกอบกิจการหลายประเภทแตกต่างกันออกไป และต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มาเข้ารับการฝึกอบรมด้วยกัน จึงเปรียบเสมือนการถูกหล่อหลอมจากที่เดียวกันแต่ละคนจึงถือว่าเป็นเพื่อนกัน และติดต่อ คบหาสมาคมช่วยเหลือกันตลอดมา
ในระยะแรก การรวมกลุ่มของผู้ผ่านการฝึกอบรม คพอ. จะจัดเป็นรูปแบบของชมรมเรียกชื่อกลุ่มของตนเป็นชมรมคพอ. จังหวัดต่างๆ ตามที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ไปจัดฝึกอบรม ณ จังหวัดนั้น ๆ ผู้ผ่านการฝึกอบรมในแต่ละจังหวัดจะรวมกลุ่มกันเป็นเบื้องต้นก่อน หากในจังหวัดนั้นมีเพียงรุ่นเดียว กลุ่มนั้นก็จัดเป็น คพอ. จังหวัดนั้นๆ ไปเลย หากจังหวัดใดมีชมรม คพอ. อยู่แล้วมีผู้ผ่านการฝึกอบรมรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น รุ่นใหม่นี้ก็จะรวมตัวกันเป็นสมาชิกของชมรม คพอ. จังหวัดนั้นๆ แต่เดิมมีกฎเกณฑ์การเลือกตั้งประธานชมรมในแต่ละจังหวัดที่เป็นอิสระ แล้วแต่สมาชิกจะเห็นสมควร ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด แต่จากมติการประชุม คพอ. กลาง เมื่อ เดือนมีนาคม 2536 ได้ขอให้ประธานชมรม คพอ. จังหวัด อยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารงานของชมรม คพอ. กลาง
สำหรับการบริหารงานชมรม คพอ. ทั่วประเทศ จะดำเนินงานโดย "ชมรม คพอ. กลาง" ซึ่งมีชื่อเต็มว่า "ชมรมผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมไทย"มีคณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนของชมรม คพอ. แต่ละจังหวัด ตำแหน่งประธานชมรม คพอ.กลาง มีวาระคราวละ 2 ปี จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันระหว่างชมรม คพอ. จังหวัดต่างๆ ซึ่งชมรม คพอ. กลาง จะเป็นแกนกลางในการประสานงานระหว่างชมรม คพอ. ทั่วประเทศทั้งหมด
ในปลายปี พ.ศ. 2538 ชมรมผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมไทย ได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเป็น "สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมไทย" ต่อสำนักคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติและได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นสมาคมพัฒนา ผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมไทย หรือสมาคม คพอ. เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2539 ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 สมาคม คพอ. ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย"(สสวท.) เพื่อให้เป็นการเปิดกว้างในการรับสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการSMEs ทั่วไปและเพื่อให้สมาคมมีกิจกรรมหลากหลายครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อSMEs ทั่วประเทศ