เรื่องกินกับคนไทยดูจะเป็นเรื่องสำคัญพอสมควรทีเดียว เห็นได้จากตลาดโต้รุ่งที่มีอยู่มากมาย หิวเมื่อไหร่ ดึกดื่นแค่ไหน ก็หาของกินได้ตลอดเวลา อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งไทย จีน ฝรั่ง หรือแม้แต่อาหารมุสลิมอย่างโรตี-มะตะบะ ที่คนไทยก็ชอบใจไม่แพ้อาหารชาติอื่น 

 

ปานมณี ประเสริฐศรี เล่าถึงความเป็นมาของร้าน “โรตีหน้าวัง” ว่า เดิมทีคุณแม่เคยทำโรตีขายตามงานวัดเมื่อสมัยยังสาว มีช่วงหนึ่งที่ครอบครัวย้ายจากอยุธยาไปอยู่นครราชสีมาจึงเลิกทำไป แต่ในปี 2535 ก็ย้ายกลับมาอยุธยา แล้วเริ่มเปิดร้านขายโรตี-มะตะบะ ที่ตลาดหัวรอ ซึ่งเป็นตลาดโต้รุ่ง อยู่หน้าวังจันทรเกษม จ.อยุธยา และริ่มมีชื่อเสียงเพราะได้ออกรายการท้าพิสูจน์ ในช่วงของคุณสันติ เศวตวิมล หรือแม่ช้อยนางรำ ต่อมาได้ไปแสดงในเทศกาลอาหารไทยที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งลูกค้าก็ให้การตอบรับดี เมื่อกลับมาก็ได้ออกรายการต่างๆ อีก เช่น ทไวไลท์ โชว์, ชิงร้อย ชิงล้าน จึงมีชื่อเสียงมากขึ้น ลูกค้าจากจังหวัดอื่นก็ตามไปทานกันถึงอยุธยา 

 

“จุดเด่นของเราคือแป้งที่ลูกค้าชมกันทุกคนว่านุ่มมาก ซึ่งสูตรพิเศษของเราอยู่ที่สัดส่วนของนมและไข่ และระยะเวลาในการนวดแป้งที่พอเหมาะพอดี ทำให้แป้งเหนียวนุ่ม และไส้ของมะตะบะก็อร่อย มีใส้ไก่ ไส้เนื้อ และใส้ทูน่า ของหวานก็จะเป็นไส้กล้วยหอม ส่วนโรตีก็จะมีไส้ให้เลือกเยอะมาก” 

 

แต่เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ปานมณี ก็ไม่ได้สานต่อกิจการของแม่ แต่ได้เข้าไปทำงานในบริษัทเอกชนอยู่ 6 ปี จนคิดอยากมีธุรกิจของตัวเอง และเห็นว่าปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์เกิดขึ้นมากมาย เธอจึงศึกษาดูว่ามีอะไรน่าทำบ้าง แต่ก็เห็นว่าราคาแฟรนไชส์แต่ละอย่าง เงินลงทุนสูง จึงย้อนกลับไปคิดถึงโรตี-มะตะบะของที่บ้าน และเริ่มนำออกมาให้ประชาชนได้ลิ้มชิมรสอีกครั้ง ในงานที่อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อปี 2546 ซึ่งก็ได้การตอบรับอย่างดีจากลูกค้า 

 

“แต่งานแรกก็ขาดทุน เพราะเราจองเต็มพื้นที่ 3 คูณ 3 เมตร ค่าเช่า 4 หมื่นกว่าบาท ขายแค่ 10 วัน งานต่อมาเราจึงใช้วิธีแบ่งพื้นที่กับคนอื่น ก็ได้กำไรบ้าง แล้วลูกค้าก็มากขึ้น ก็มีคนสนใจถามเรื่องแฟรนไชส์ ก็เลยเริ่มศึกษาระบบแฟรนไชส์ เมื่อกลางปี 2547 แล้วก็ไปออกงานของแฟรนไชส์ โฟกัส ที่เซ็นทรัล บางนา โดยคิดรูปแบบคีออสเอง มีโลโก้ชื่อร้าน “โรตีหน้าวัง” ซึ่งก็มาจากร้านเดิมที่ขายอยู่ที่หน้าวังจันทรเกษม ลูกค้าก็ให้การตอบรับเยอะมาก” 

 

แต่ก่อนจะตกลงซื้อขายแฟรนไชส์กับลูกค้า ปานมณี ได้เปิดสาขาให้เพื่อนของน้องสาว เพื่อเป็นเหมือนกรณีศึกษาดูว่าร้านจะมีปัญหาอะไรบ้าง ก็ปรากฎว่ารายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะ การควบคุมคุณภาพ การเก็บรักษาวัตถุดิบ และอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ต้องวางระบบให้ดีกว่าเดิม จึงหยุดขายแฟรนไชส์ไว้ก่อน และเปิดร้านเป็นหลักแหล่งอยู่ตรงข้าม ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เมืองทองธานี 

 

“ปัญหาที่เจอเรื่องแรกคือแป้ง คือถ้าทำแล้วส่งไปให้สาขาโดยไม่แช่แข็งมันจะเสียในเวลา 2-3 ชม. ก็เลยต้องใช้วิธีแช่แข็ง แล้วต้องนำออกมาจากตู้แช่ก่อนใช้ประมาณ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งคลายตัว” 
 

 
 

เวลาผ่านไปหลายเดือน ตอนนี้ "โรตีหน้าวัง" ได้วางระบบแฟรนไชส์ใหม่ และเตรียมออกงาน “มหกรรมการกินและอาชีพ” ในวันที่ 8-12 มิ.ย. 2548 ที่เซ็นทรัลซิตี้ บางนา 

 

โดยแฟรนไชส์ใหม่คิดค่าแรกเข้าที่ 50,000 บาท ได้คีออสและอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องใช้ มีการอบรมเทคนิคการตีแป้ง การทอด การขาย และการดูแลรักษาความสะอาด 7 วัน และไม่ต้องเสียค่ารอยัลตี้ฟีอีก แต่ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบ คือ แป้ง ไส้ และน้ำจิ้ม

 

ส่วนวัตถุดิบอย่างอื่นแฟรนไชซีสามารถหาซื้อได้เองตามท้องตลาด ทั้งนี้ หากยอดขายอยู่ที่วันละ 1-2 พันบาท ก็จะคืนทุนในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน 

 

“คุณสมบัติของคนที่มาซื้อแฟรนไชส์ถ้าเป็นคนอิสลามได้ก็ดี แต่เราก็ไม่ได้จำกัดไว้ขนาดนั้น ส่วนความไว้วางใจจากคนอิสลามที่จะเข้ามาซื้อโรตีมะตะบะจากแฟรนไชส์เรา ก็มั่นใจได้จากแป้งและใส้ที่มาจากเรา ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามแน่นอน และเราก็ต้องคุยกับแฟรนไชซีก่อนว่าช่วงเวลา ระหว่างการขายคนขายต้องไม่เล่นกับสุนัข ไม่กินหมู แต่จากประสบการณ์ของเราที่ขายมา ลูกค้าอิสลามน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าคนจีนและคนไทย” 

 

ส่วนเรื่องคู่แข่งนั้น ปานมณี กล่าวว่า ยังน้อยมาก ที่ดังๆ ก็เห็นจะเป็นร้านโรตีมะตะบะ ที่ ถ.พระอาทิตย์ และมีเจ้าอื่นๆ ที่ลูกค้ามาพูดให้ฟังบ้าง แต่ร้านเหล่านั้นยังไม่ได้ทำระบบแฟรนไชส์ ขายอยู่แค่ที่ร้านเท่านั้น โดยลูกค้าจะเข้าไปหาเอง แต่แฟรนไชส์ “โรตีหน้าวัง” เป็นการเข้าหาลูกค้ามากกว่า 

 

“เป้าหมายของเราก็อยากจะทำให้คนเมื่อคิดถึงโรตี-มะตะบะ ก็ต้องคิดถึง ”โรตีหน้าวัง” เหมือนที่เขาคิดถึงไก่ทอดก็คิดถึงเคเอฟซี แต่ต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรทีเดียว” ปานมณี กล่าว 

 

ปัจจุบัน ”โรตีหน้าวัง” มีอยู่ 5 สาขา โดยเป็นของปานมณีเอง 1 สาขา คือตรงข้าม ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เมืองทองธานี และของน้องๆ ของเธออีก 4 สาขา โดยอยู่ใน จ.อยุธยา 3 สาขา และที่ จ.เชียงใหม่ อีก 1 สาขา 

 

ติดต่อ “โรตีหน้าวัง” โทร.08-6570-5906 และ 08-6705-9263

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์