เดิม "สุเมธ จินดารัตนาภรณ์" ทำงานเป็นวิศวกรอุตสาหการ ในโรงงานอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ กว่า 4 ปี ก่อนตัดสินใจลาออก เพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัว เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เนื่องจากชอบงานออกแบบ และเชียงใหม่ก็เป็นเมืองที่มีงานฝีมือที่งดงามอยู่มากและหลากหลาย 

 

สุเมธ เปิดเผยว่า แรกเริ่มตัดสินใจผลิตสบู่ทำมือ โดยคิดจะจ้างคนอื่นผลิต แต่พอได้คุยกันแล้วไม่สามารถทำตามแบบที่ต้องการได้ เขาจึงทดลองผลิตเอง แต่ไม่ได้ทำตลาดจริงจัง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงทดลองสูตรและตลาด ซึ่งทำให้เขาค้นพบว่าสบู่สมุนไพรทั่วไปมีผู้ผลิตเยอะแล้ว ต้องหาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง และมีคุณสมบัติที่ดีกว่า จนค้นพบคุณสมบัติที่ดีของน้ำนมแพะจากเว็บไซต์ความสวยความงาม ผลิตภัณฑ์สบู่ของเขาจึงมีส่วนผสมของน้ำนมแพะอยู่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทดแทนส่วนที่เป็นน้ำทั้งหมด นอกจากนั้น ยังมีส่วนผสมของน้ำมันรำข้าว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม และสมุนไพรต่างๆ อาทิ ขมิ้นชัน ใบชา และน้ำผึ้ง โดยเน้นน้ำมันรำข้าวเป็นพิเศษ เพราะมีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ 

 

”เราใช้นมจากฟาร์มคุณภาพของชุมชนมุสลิมในเชียงใหม่ โดยนอกจากนำมาทำสบู่แล้ว เราก็ยังทำนมแพะพาสเจอไรส์ ส่งตามบ้านด้วย” สุเมธ กล่าว 

 

หลังจากได้ผลิตภัณฑ์ที่แน่ใจแล้วว่ามีคุณภาพและเอกลักษณ์ สุเมธจึงเริ่มทำตลาดโดยส่งเข้าคัดสรรโอทอปปี 2547 เป็นผลิตภัณฑ์โอทอป 3 ดาวระดับประเทศ ได้ออกงานแสดงสินค้า จนเป็นที่รู้จักของลูกค้า และจากการบอกต่อกันไปก็ทำให้สบู่น้ำนมแพะ “ช่อฟ้า” มีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ 

 

สุเมธใช้เงินทุนตัวเองในการทำธุรกิจไปประมาณ 5 แสนบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทดลองผลิตและการวิจัยตลาด ปัจจุบันรายได้ต่อเดือนอยู่ที่หลักแสนบาท ซึ่งสุเมธ กล่าวว่า เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทำให้สามารถพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ให้ก้าวหน้าได้ต่อไป

 

 

สบู่น้ำนมแพะ “ช่อฟ้า” มีให้เลือก 2 แบบ คือสำหรับชำระล้างใบหน้าและร่างกาย และสบู่เชือก ซึ่งเป็นสบู่แท่งกลมมีเชือกร้อยอยู่แกนกลางสำหรับใช้ล้างมือในห้องครัว ซึ่งสบู่ตัวนี้จะมีส่วนผสมของผงกาแฟบด เพราะกาแฟจะช่วยขจัดกลิ่นคาวได้ดี โดยสบู่ทุกก้อนจะมีรอยรูปช่อฟ้าอยู่บนเนื้อ และเจาะกระดาษห่อให้เป็นรูปช่อฟ้าเช่นกัน ลูกค้าจึงมองเห็นเนื้อสบู่ด้านในโดยไม่ต้องแกะห่อออก ส่วนกระดาษห่อใช้กระดาษรีไซเคิล 

 

ทั้งนี้ สุเมธวางแผนไว้ว่าจะผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก แต่คงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน ซึ่งตอนนี้ก็มีเทรดเดอร์ไทยสั่งซื้อเพื่อส่งออกไปขายที่สวิสเซอร์แลนด์, อเมริกา และเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สุเมธก็เพิ่งไปออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และในวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายนนี้ ก็จะร่วมแสดงในงาน Thai Health & Beauty ซึ่งจะมีเทรดเดอร์ต่างประเทศเข้ามาดูงานด้วย 

ในระหว่างนี้สุเมธจึงต้องการเคลียร์งานในประเทศให้ลงตัว โดยจะขายแฟรนไชส์ เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าให้หาซื้อได้ง่ายขึ้น โดยไม่คิดค่าแฟรนไชส์ หรือค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการสั่งซื้อสินค้าล็อตแรก 300 ก้อน ในราคา 15,000 บาท แล้วจะได้รับตู้วางสินค้า ชั้นเก็บสินค้า และอ่างทดลองสินค้าฟรี ด้านการขายก็จะต้องมีการเทรนกันก่อน เพื่อให้รู้คุณสมบัติของสบู่ที่ถูกต้อง สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ ส่วนการประชาสัมพันธ์นั้น เนื่องจากสบู่ “ช่อฟ้า” มีฐานลูกค้าอยู่แล้วในหลายจังหวัด เพียงแต่หาซื้อไม่ได้เท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้ 

 

“เราไม่เก็บค่าธรรมเนียม เพราะเราก็อยากกระจายสินค้าไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราด้วย เขาจะได้หาซื้อได้ง่ายขึ้น ทำเลที่ตั้งสาขาก็อยากให้เป็นที่ชุมชน แต่คงไม่ใช่ตามห้างฯ เพราะเรายังไม่ใช่สินค้าที่แมสขนาดนั้น” 

 

นอกจากนี้ ปลายปี 2548 “ช่อฟ้า” ก็จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่คือโลชั่นทาผิวและครีมทาหน้าออกมาสู่ตลาด ซึ่งยังคงมีส่วนผสมสำคัญเป็นน้ำนมแพะอยู่เช่นเดิม 

 

สบู่ “ช่อฟ้า” มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 3 หมื่นก้อนต่อเดือน แต่ปัจจุบันผลิตอยู่เพียง 5-6 พันก้อนต่อเดือนเท่านั้น และกำลังจะขยายการผลิตให้เป็นโรงงาน จากที่ปัจจุบันมีพนักงานอยู่เพียง 5 คน และเครื่องกวนสบู่ซึ่งเขาไม่ถือว่าเป็นเครื่องจักรอีก 1 เครื่อง โดยคาดว่าภายในปีหน้าเมื่อมีเงินทุนเข้ามาก็จะสามารถขยับขยายโรงงานได้ 

 

ติดต่อ สบู่นมแพะ "ช่อฟ้า" โทร 0-5339-9336 หรือ 08-9131-2418 

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์