ดาวเด่นแฟรนไชส์    “พิซซ่าบอย” ชูคุณภาพส่งออก ส่งแฟรนไชส์ลงทุนต่ำบุกตลาด
7.8K
23 มีนาคม 2553
“พิซซ่าบอย” ชูคุณภาพส่งออก ส่งแฟรนไชส์ลงทุนต่ำบุกตลาด 


 
จาก “พิซซ่าลอยฟ้า” มาเป็นผู้ผลิตพิซซ่าแข็งสำเร็จรูปส่งออก รายใหญ่ที่สุดของประเทศภายใต้แบรนด์ “Alfredo” แต่มีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น จึงขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ “Pizza boy” โดยใช้เงินลงทุนเพียง 45,000 บาท คืนทุนภายใน 2 เดือน 
 
นายสุวิทย์ อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์พิซซ่า บอย (Pizza Boy) และผู้ผลิตพิซซ่าสำเร็จรูปแช่แข็งรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “Alfredo” เล่าว่า เกิดจากที่ตนเองได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐฯ และได้ทำงานร้านอาหารในตำแหน่งผู้ช่วยพ่อครัว ทำให้ได้รับวิชาความรู้ในการทำอาหารมาพอสมควร จึงได้เบนเข็มจากการในเรียนทางด้านบริหารธุรกิจมาเรียนด้านโภชนาการแทน และได้ทำงานในร้านอาหารฝรั่งมานานกว่า 15 ปี จนเมื่อกลับมาเมืองไทยก็ได้เปิดร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนชื่อร้าน “อัลเฟรโด” (Alfredo) โดยที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการทำพิซซ่า จึงได้เปิดตัวร้าน “พิซซ่าลอยฟ้า” ขึ้นตามมา และพัฒนาเป็นการผลิตพิซซ่าแช่แข็งสำเร็จรูป เพื่อการส่งออกรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงยังได้ผลิตพิซซ่าแช่แข็งจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ นีโอ (NEO) อีกด้วย 

 
 
“ เราป็นผู้ที่ส่งออกพิซซ่าแช่แข็งสำเร็จรูปมากว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าธุรกิจดังกล่าวมีความอยู่ตัวแล้ว แต่เนื่องจากการทำตลาดในรูปแบบเดิม ทำให้ตลาดไม่กว้าง และคนไทยรู้จักผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทฯ น้อยมาก จึงคิดขยายตลาดและสร้างแบรนด์พิซซ่าของตนเอง ให้คนรู้จักกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น จึงคิดขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ “Pizza Boy” ขึ้น โดยอาศัยการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือมนุษย์เงินเดือนให้เป็นเจ้าของธุรกิจ ได้ง่าย และใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก” 
 
การผลิตเน้นมาตรฐานสูง 
 
ขึ้นชื่อว่าเป็นสินค้าส่งออก ดังนั้นในเรื่องของมาตรฐานจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่งผลให้ทางอัลเฟรโด ขยายโรงงานผลิตสินค้าให้ตรงตามมาตรฐานของสินค้าส่งออก บนเนื้อที่ 8 ไร่เศษ พร้อมเครื่องจักรในการผลิตที่ทันสมัย ส่งผลให้คุณภาพของพิซซ่าอัลเฟรโด มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย รวมถึงมีความสดใหม่เนื่องจาก เมื่อผลิตพิซซ่าสำเร็จรูปแล้ว พิซซ่าจะถูกแช่แข็งด้วยอุณหภูมิลบ 25 องศาเซลเซียสภายใน 5 นาที ทำให้เมื่อนำไปทอดบนเตาหรือนำไปอบในเตาไมโครเวฟ เนื้อแป้งและวัตถุดิบที่นำมาใช้จะยังคงความสดใหม่เหมือนเพิ่งทำเสร็จ 
 
“รสชาติของพิซซ่าอัลเฟรโด ที่เราผลิตเพื่อการส่งออกและในแฟรนไชส์พิซซ่าบอย ผู้บริโภคสามารถมั่นใจในคุณภาพและความสะอาดได้ เพราะเราผลิตภายใต้มาตรฐานเดียวกับสินค้าที่เราส่งออก เพราะเราต้องการให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพสูง และมีมาตรฐานเดียวกับสินค้าส่งออก แต่จะมีก็แต่เรื่องรสชาติเท่านั้นที่มีความแตกต่าง เพราะการส่งออกไปในแต่ละประเทศรสชาติจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ โดยกำลังการผลิตในปัจจุบันสามารถผลิตได้ 1.5 ล้านชิ้น/เดือน” 
 
 
 
เงินลงทุนแฟรนไชส์ 45,000 บาท 
 
ร้านแฟรนไชส์พิซซ่า บอย ถือว่าเป็นธุรกิจน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัว ในรูปแบบของคีออสขนาดเล็ก และใช้เงินลงทุนไม่มาก ซึ่งการลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์ จะ ใช้เงินลงทุน 45,000 บาท พร้อมอุปกรณ์ครบถ้วน และไม่เก็บค่าแฟรนไชส์ฟีรายปี ซึ่งขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ง่ายมาก “ขอเพียงทอดไข่เป็น” ก็สาสามารถทำธุรกิจนี้ได้ โดยใช้เวลาในการฝึกสอน 1 วัน เนื่องจากทางร้านได้ออกแบบเตาทอดพิซซ่า ที่มีลักษณะพิเศษทำให้พิซซ่ากรอบนอกนุ่มใน และใช้เวลาทอดเพียง 2 นาทีก็พร้อมรับประทาน 
 
“การที่เราเลือกเอาอาหารประเภทพิซซ่ามาทำในรูปแบบของแฟรนไชส์ เนื่องจากเราคิดว่าปัจจุบันนี้พิซซ่า ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่หากจะหาพิซซ่าที่มีราคาย่อมเยา และมีคุณภาพดี หลายคนคงพุ่งไปที่ร้านพิซซ่าขนาดใหญ่ และเป็นแฟรนไชส์ที่มาจากต่างประเทศ แต่ก็ต้องใช้เงินในการรับประทานในแต่ละมื้อในราคาที่สูง แต่สำหรับพิซซ่าบอย ลูกค้าสามารถรับประทานได้เพียง 1 ชิ้นในราคา 20 บาทได้ แถมยังได้ลิ้มรสชาติของพิซซ่าที่มีคุณภาพทั้ง 4 หน้า คือ ฮาวาย ปูอัด ซีฟู้ด และไส้กรอก” 

 
 
ทำเลดีคืนทุนใน 2 เดือน 
 
สำหรับระยะเวลาการคืนทุน นายสุวิทย์กล่าวว่า หากลูกค้ามีทำเลที่ดี อย่างหน้าโรงเรียน ย่านชุมชน ตามห้างสรรพสินค้า จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 เดือน เนื่องจากพิซซ่าของพิซซ่า บอย เป็นสินค้าที่ขายง่าย และคนก็รับประทานง่ายเช่นกัน ซึ่งภายในปีนี้ทางพิซซ่า บอย ตั้งเป้าจะขยายสาขาแฟรนไชส์ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 150-200 สาขา ใช้พื้นขนาด 1.5 x 1 เมตร ซึ่งขณะนี้ทางพิซซ่า บอยมีรูปแบบของคีออสเพียงรูปแบบเดียว แต่ สำหรับในอนาคตจะมีจะมีเพิ่มขึ้นอีก 2 รูปแบบคือแบบมอเตอร์ไซด์พ่วง และแบบน็อกดาวน์ สำหรับผู้ลงทุนที่ขายตามตลาดนัด โดยจะออกแบบคล้ายกระเป๋าหิ้ว ที่ผู้ลงทุนสามารถพับเก็บได้อย่างรวดเร็ว และใช้เวลาในการจัดเตรียมร้านไม่เกิน 30 นาที โดยคาดว่าจะออกสู่ตลาดได้ภายใน 2 เดือนนี้ 

“ทำเลที่ตลาดนัด ถือว่าเป็นแหล่งที่มีศักยภาพมาก เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง รวมถึงในปัจจุบันก็มีตลาดนัดเกิดขึ้นมากมาย และคาดว่าจะสามารถทำกำไรให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี ส่วนทำเลบริเวณโรงเรียนก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้เร็ว เนื่องจากพิซซ่า เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ อยู่ก่อนแล้ว ทำให้การบุกตลาดในทำเลที่เป็นสถานศึกษาไม่ใช่เรื่องยาก” 
 
สนใจติดต่อ 0-3533-2111, 08-1571-1342 และ 08-1752-2477 หรือที่ www.alfredo.thailand.com
 
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
157,523
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,647
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,653
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,812
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,558
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
55,082
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด