จับตาแฟรนไชส์ "จันทร์สว่าง" เกาะกระแสสมุนไพรมาแรง
“จันทร์สว่าง” เป็นแบรนด์ใหม่ในแวดวงธุรกิจเครื่องสำอางจากสมุนไพรไทย เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2547 ในนามบริษัท จันทร์สว่าง เฮิร์บเบิล ไลน์ จำกัด
แต่ผู้บริหารเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเครื่องสำอางสมุนไพรไทยมากว่า 20 ปีแล้ว และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ความงามสโรรักษ์
“กัญชร จันทร์สว่าง” เป็นชื่อเสียงเรียงนามใหม่ของเธอ กระทั่งชื่อที่คนในแวดวงเรียกกันว่า “ป้าอ้วน” ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็น “ป้าอ้อ”
ความน่าสนใจของแบรนด์จันทร์สว่างมีอยู่ 2 ส่วนหลักดังนี้
สินค้า (product) ต้นปี 2548 ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ 5 เด้ง ได้แก่ ลดริ้วรอยรอบดวงตา ยกกระชับหน้า กระชับสัดส่วน กระชับอกและกระชับช่องคลอด ราคาสินค้าตั้งแต่ 590-1,990 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกเหนือจากสินค้าที่มีอยู่แล้ว 35 ชนิดครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ใบหน้า ร่างกาย อาหารเสริมและสมุนไพรสดที่ใช้ขัด พอกให้บริการภายในศูนย์ ราคาสินค้าระหว่าง 89-2,000 บาท
และภายในสิ้นปีนี้ เตรียมเพิ่มสินค้าใหม่จำพวกแป้งทาหน้า และผลิตภัณฑ์จากกวาวเครือ รวมถึงผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่แผ่นหลัง
“การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมานั้น จะมีหน่วยงานวิจัยและการตลาด ผลิตสิ่งที่ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งสิ้น อย่างผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่แผ่นหลังนั้นจะเห็นว่า ปัจจุบันการแต่งตัวจะเป็นเสื้อสายเดี่ยว โชว์แผ่นหลัง จึงต้องผลิตสินค้าสอดรับกับตลาด ซึ่งการพัฒนางานวิจัยนั้นจะเน้นที่การรักษาแบบไร้อาการ และกลุ่มลูกค้าระดับบี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังพิจารณาการซื้อสินค้าด้วยคุณภาพเป็นสำคัญ” กัญชรกล่าวและว่า
โดยมีแนวคิดว่าการลงทุนธุรกิจความงามนั้น “สินค้า” เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค สะท้อนถึงความมั่นใจของผู้ที่จะเข้ามาร่วมลงทุนด้วย
อีกส่วนหนึ่งคือระบบการสร้างรายได้ให้กับนักลงทุน โดยมีการขยายธุรกิจ 2 รูปแบบคือแฟรนไชส์และขายตรง (MLM) เพื่อเพิ่มรายได้ตามลำดับขั้นจากการขยายสาขาและสั่งซื้อสินค้า
“กัญชร” กล่าวถึง เม็ดเงินลงทุนในการตั้งศูนย์ความงามจันทร์สว่าง ว่า ใช้เงินต่อศูนย์ 210,000 บาท เป็นค่าสินค้า 50,000 บาท ค่าลิขสิทธิ์ 30,000 บาท ค่าประกันความเสียหาย 30,000 บาทและค่าอุปกรณ์การตกแต่งร้าน 100,000 บาท
ขณะที่ผลตอบแทนหรือรายได้ของศูนย์นั้น จะมาจาก 1.ส่วนลดค่าสินค้า 25% จากราคาหน้ากล่อง 2.ค่าคอมมิชชั่น 25%-34% (จากยอดสั่งซื้อสินค้าผ่านศูนย์) 3.ค่าบริหารและขยายเครือข่ายศูนย์ความงาม 6-14%
4.ค่าสวัสดิการและความมั่นคงต่างๆ 1-6.5% (กองทุนท่องเที่ยว กองทุนสวัสดิการผู้นำ พัฒนาเครือข่ายศูนย์เท่ากันและส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ละปี) และ 4.โปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ตามรอบการขายของบริษัท 3-5%
ขณะที่กลยุทธ์การตลาดของบริษัท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ร่วมลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์และขายตรงนั้น ได้นำกลยุทธ์ “nock door” ด้วยการสร้าง "สาวจันทร์สว่าง" ที่ต้องการหารายได้เสริมจากงานประจำ เสนอขายสินค้าถึงหน้าบ้าน และพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการลงทุนศูนย์ในอนาคต โดยบริษัทสนับสนุนการลงทุน
นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมการขาย ROAD SHOW ด้วยรถคอนเทนเนอร์ที่ดีไซน์เป็นโชว์รูม โชว์เครื่องสำอางจันทร์สว่าง ตะล่อนทัวร์ 4 ภาค กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี หาดใหญ่ ภูเก็ต ด้วยกิจกรรมดีๆ ที่คืนสู่สังคมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับนักเรียน และกิจกรรมในลักษณะนี้จะมีอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามองถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจความงาม ด้วยเครื่องสำอางสมุนไพร “กัญชร” มองว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันมูลค่าตลาดหรือเงินหมุนเวียนของธุรกิจ เครื่องสำอางจากสมุนไพรไทยนั้นตกปี 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตกว่านี้อีกมาก
ด้วยจุดแข็งของศูนย์ความงามจันทร์สว่างทั้ง 2 ส่วนนี้ สอดรับกับกระแสความสนใจของผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการ และซื้อสินค้าจากจุดขายสมุนไพร และการสร้างความรับรู้ผ่านนโยบายการผลักดัน ของภาครัฐทั้งการสนับสนุนการขายภายในประเทศและเพื่อการส่งออก
ซึ่ง “กัญชร” กล่าวว่าเป็นจังหวะและก้าวกระโดดของธุรกิจด้วยปัจจัยบวกดังที่กล่าวมา ที่ประโยชน์จะตกนักลงทุนและผู้บริโภค
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์