‘แม่จู้' เปิดเกมรุก ขายแฟรนไชส์ 70,000 บ.
วิกฤติท่องเที่ยวภูเก็ตกระหน่ำร้านขายของฝาก ‘แม่จู้' ปรับกลยุทธ์ ขยายการลงทุนแฟรนไชส์คีออส หวังเป็นช่องทางกระจายสินค้าและสร้างแบรนด์ จากที่ผ่านมาสินค้ากว่า 50% อิงตลาดท่องเที่ยวมาตลอด ยอมรับการลงทุนแข่งเดือดโชว์จุดเด่นอาหารใต้ที่ภาคอื่นไม่มี ลงทุนน้อย 70,000 บาทเป็นเจ้าของกิจการได้
“ปัจจัยที่ทำให้แม่จู้ขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพราะมองว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่งที่จะสามารถสร้างแบรนด์ ได้และยังเป็นการกระจายสินค้าอีกทางหนึ่งด้วย เพราะสินค้าของเรามากกว่า 50% ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว แต่ด้วยภาวะการท่องเที่ยวของภูเก็ตที่ย้ำแย่ตลอดระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมาจึงทำให้บริษัท ต้องหาช่องทางกระจายสินค้าออกไปในทิศทางอื่น และการขยายธุรกิจแฟรนไชส์เป็นทางที่ดี
ขณะเดียวกันสินค้าที่โดดเด่นและเป็นอาหารภาคใต้ ซึ่งยังไม่ค่อยมีใครทำ ทำให้เป็นลู่ทางที่ดีในอนาคต” วันฤดี รังสินธุรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คุณแม่จู้ จำกัด กล่าวถึงแนวคิดดังกล่าว
โดยรูปแบบแฟรนไชส์แม่จู้นี้จะเปิดเป็นลักษณะของคีออส เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก และทำเลไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ขยายสาขาได้มากกว่า
วันฤดี กล่าวต่อว่า รูปแบบของร้านคีออสนี้จะมีทั้งที่รับสินค้าจากบริษัทแม่ไปจำหน่าย และต้องทำขายเองหน้าร้านซึ่งแฟรนไชซีจะ ต้องมาเรียนรู้วิธีการทำจากแฟรนไชซอร์ด้วย เช่น การทำน้ำพริกกุ้งเสียบเนื่องจากสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าขายของแม่จู้ เพราะหากเป็นแค่การรับสินค้าไปขายอย่างเดียว ก็จะไปทับไลน์กับการขายส่งที่บริษัทมีการทำมานานแล้ว
อย่างไรก็ดีการที่บริษัทไม่ได้มีการเปิดสาขาของตัวเอง ในรูปแบบคีออสเพื่อให้เป็นสาขาต้นแบบนั้น เนื่องจากบริษัทมีบุคลากรที่ไม่เพียงพอ และต้องการที่จะให้รูปแบบของคีออสนี้เป็นของแฟรนไชซีเพียงอย่างเดียว ส่วนการจะเปิดร้านแม่จู้สาขาใหม่นั้นคงไม่มีการเปิดเนื่องจาก ตนมองว่าการเปิดแบบร้านสาขาก็ต้องเป็นการเปิดตามแหล่งท่องเที่ยว
โดยการเปิดแฟรนไชส์คีออสแม่จู้จะใช้เงินลงทุน 70,000 บาทซึ่งจะรวมค่าสินค้าสำหรับ การขายล๊อตแรกไว้แล้วซึ่งแฟรนไชซีสามารถพร้อมเปิดได้ทันที และต่อไปแฟรนไชซีจะต้องมีสินค้าหมุนเวียนอยู่ในร้านประมาณ 20,000 บาท
สำหรับจุดเด่นของแฟรนไชส์คีออสแม่จู้คือการเป็น แฟรนไชส์อาหารพื้นเมืองปักษ์ใต้ที่สะดวกซื้อ สะดวกทาน และวางจำหน่ายได้ทุกจุดเพราะไม่ต้องใช้สถานที่ในการจำหน่ายที่ใหญ่โต
นอกจากนี้แม่จู้ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารปักษ์ใต้ด้วย ด้านโอกาสทางการตลาดของคีออสนี้ถือว่ายังมีอีกมาก เนื่องจากอาหารปักษ์ใต้ที่เป็นสูตรสำเร็จยังไม่มีการจำหน่ายอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่ที่มีจะเป็นอาหารประเภทข้าวราดแกงปักษ์ใต้ หรือน้ำพริกทั่วไป แต่บริษัทก็ยังมีอุปสรรคในการทำอยู่เหมือนกันคือ สินค้าบางตัวมีอายุการจัดเก็บได้น้อย
นอกจากนี้ยังได้วางกลุ่มเป้าหมายของแฟรนไชซีที่บริษัทต้องการไว้ว่า 1.ต้องการเป็นคนที่มีใจรักในการจะทำธุรกิจจริง โดยบริษัทจะดูความต้องการในการทำธุรกิจแม่จู้ของแฟรนไชซีด้วย และ 2.ต้องมีทำเลหรือสถานทีขายที่ชัดเจน ให้เป็นทำเลหรือสถานที่ที่มีกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับเป้าหมายในการขยายแฟรนไชส์จะขยายได้ครบทุกจังหวัด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่มาซื้อสินค้าเป็นกลุ่มใกล้เคียงกัน คือเป็นทั้งกลุ่มที่ซื้อไปฝากและซื้อรับประทานเอง ช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายจะอยู่ในช่วง 20-35 ปีเป็นคนที่ชอบทานอาหารพื้นเมืองปักษ์ใต้ แต่ในช่วงแรกคงตั้งเป้าว่าให้ได้ปีละ 5 สาขาก่อน
อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้เร่งที่จะขยายสาขาแฟรนไชส์มากนักเพราะต้องการได้แฟรนไชซีที่ดีจริงๆ แต่มีการประชาสัมพันธ์ไปตามงานๆ ที่แม่จู้ได้ไปออกบูธ ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาแต่อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ
“ปัจจุบันหลายธุรกิจหันมาขยายการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการตัดสินใจที่หลากหลาย และเราจะมองแฟรนไชซีที่เข้ามาด้วยถ้าไม่ใช่ที่เราต้องการเราก็คงไม่เอา เพราะการทำธุรกิจแฟรนไชส์ก็เหมือนกับว่า เราเอาแบรนด์ให้กับเขาไปถ้าเขาทำไม่ได้เราก็ไม่อยากจะทำ” วันฤดี กล่าว