ดาวเด่นแฟรนไชส์    แฟรนไชส์ลูกชิ้นหมูนายชนะ ชูโอกาสธุรกิจด้วยทุน 5,000 บ.
50K
1 สิงหาคม 2553
แฟรนไชส์ลูกชิ้นหมูนายชนะ ชูโอกาสธุรกิจด้วยทุน 5,000 บ.

      
 
“ลูกชิ้นหมูนายชนะ” ชูจุดเด่นรสเลิศทำจากเนื้อหมู 95% รุกขยายแฟรนไชส์ลูกชิ้นเสียบไม้ หวังเพิ่มยอดขาย ควบคู่กับการเปิดโอกาสแก่ผู้อยากมีธุรกิจของตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยเงินลงทุน เพียง 5,000 บาท ตั้งเป้าในปีหน้าถึง 200 สาขาทั่วประเทศ

       โอม ชินทรารักษ์ ผู้จัดการ บริษัท แม่ประยูรอาหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจนี้ ดำเนินมานานกว่า 10 ปีแล้ว ริเริ่มโดย “ชนะ ทานตะวิรยะ” ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของเขา มีจุดเด่นที่ทำจากเนื้อหมูถึง 95% ต่อแป้ง 5% ไม่ใส่สารบอแรกซ์ หรือสารชูรสใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ได้รสชาติของเนื้อหมูแท้ๆ ในขณะที่ลูกชิ้นหมูในท้องตลาดทั่วไป อัตราการผสมระหว่างเนื้อหมู กับแป้งจะอยู่ระหว่างครึ่งต่อครึ่ง

นอกจากนี้ มีความสดใหม่ ผลิตแล้วส่งวันต่อวัน ขณะที่ความสะอาดของโรงงานซึ่งอยู่ใน จ.นครปฐม ได้รับมาตรฐาน อย. และ GMP ส่วนวัตถุดิบเนื้อหมูสดรับมาจากฟาร์มภายใน จ.นครปฐม
      

 


       ทั้งนี้ ด้วยความต้องการจะขยายการขาย จึงคิดทำตลาดในรูปแบบของแฟรนไชส์ลูกชิ้นหมูปิ้งเสียบไม้ โดยมีจุดแตกต่างจากแฟรนไชส์ธุรกิจแบบนี้เจ้าอื่นๆ คือ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ใช้เงินลงทุนน้อย เพียง 5,000 บาท แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า จำนวน 3,000 บาท ส่วนอีก 2,000 บาท เป็นค่าค้ำประกันคีออส และอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ เตาปิ้ง , ผ้ากันเปื้อน และโถใส่น้ำจิ้ม ซึ่งเป็นสมบัติของบริษัทฯ ที่จะให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ยืมไปใช้ประกอบธุรกิจ
      
       “แฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้งโดยมากจะคิดค่าแฟรนไชส์บวกกับค่าคีออสหรือรถเข็น ทำให้ผู้สนใจทำธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนมาก เราเลยคิดว่า จุดประสงค์หลักของเราจริงๆ คือต้องการปล่อยวัตถุดิบลูกชิ้นหมูให้ได้จำนวนมาก ดังนั้น บริษัทฯ จะเป็นผู้ออกค่าคีออสกับอุปกรณ์ให้ ฉะนั้น เงินลงทุนที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องใช้จริงๆ แค่ 3,000 บาท ส่วนอีก 2,000 บาท ถ้าในอนาคตจะเลิกทำธุรกิจระหว่างกัน ถ้าคีออสไม่เสียหาย เงินมัดจำนี้ก็จะได้คืน”
      
       โอม อธิบายว่า ด้วยหลักแฟรนไชส์ลักษณะนี้ ต่อหนึ่งสาขา บริษัทฯ ต้องลงทุนให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ประมาณ 30,000 กว่าบาท ฉะนั้น เกณฑ์ที่จะพิจารณาปล่อยแฟรนไชส์ ผู้จะมาเป็นสาขาต้องมีทำเลที่เหมาะสม มั่นใจได้ว่าเมื่อนำแฟรนไชส์ไปลงแล้ว จะขายได้ดี ประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่าย โดยตัวเขาจะเป็นคนลงไปดูสถานที่ เพื่อพิจารณาด้วยตัวเอง
      

 


       ส่วนเงื่อนไขข้อตกลงของแฟรนไชส์ กำหนดว่า ผู้ซื้อแฟรนไชส์ ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบลูกชิ้นหมูเสียบไม้ของบริษัทเท่านั้น ครั้งละอย่างน้อย 300 ไม้ขึ้นไป (เก็บไว้ได้ 5 วัน) ส่วนน้ำจิ้มให้ฟรี ทั้งนี้ ราคาขายปลีก กำหนดที่ไม้ละ 10 บาท ( 7 ลูก) โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะมีกำไรหลังหักต้นทุนแล้วอยู่ที่ประมาณ 40-50% จากยอดขายรวมทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ควรจะขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 100 ไม้ ทว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกบริษัทฯ จะไม่เร่งให้ทำได้ตามเป้าดังกล่าว เพราะถือว่า ยังอยู่ได้ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ แต่หลังจากนั้น ถ้ายังไม่สามารถขายได้ตามเป้า บริษัทฯ จะเข้าไปสอบถาม และวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามาจากสาเหตุใด เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ดำเนินธุรกิจไปรอดให้ได้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ จะไม่ยกเลิกแฟรนไชส์ และยึดคีออสคืน

 เขาบอกว่า เปิดแฟรนไชส์นี้มาประมาณ 1 ปี ปัจจุบันมีสาขาอยู่ประมาณ 100 แห่งทั่วประเทศ โดยมีอัตราล้มเหลวประมาณ 20% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ขาดความเอาใจใส่ ประกอบกับพนักขายที่เขาจ้างมาขายแทนขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน
      
       ทั้งนี้ จากที่มีธุรกิจแฟรนไชส์ลูกชิ้นเสียบไม้ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก แต่โอม บอกว่า ยังมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ทำจากเนื้อหมูกว่า 95% จะทำให้ธุรกิจสามารถก้าวไปได้ยั่งยืน ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในปัจจุบัน
      
       “จากประสบการณ์ของผม บอกได้เลยว่า ธุรกิจลูกชิ้น ทำกำไรค่อนข้างดี ถ้าอยากได้กำไรมากก็แค่ลดเนื้อหมู แล้วเพิ่มแป้ง ต้นทุนก็ลดแล้ว แต่ถ้าทำอย่างนั้น ไม่นานลูกค้าก็จะหนี ฉะนั้น ของเรา จึงเน้นว่า กำไรน้อยหน่อย แต่ให้ลูกค้าเชื่อใจ ซึ่งลูกชิ้นเสียบไม้ เป็นอาหารที่ขายง่าย กำไรดี เพราะขายได้ทุกกลุ่มลูกค้า และขายได้ทุกสถานที่ ขอแค่เป็นแหล่งที่มีคนชุกชุม เดินผ่านไปมาเยอะๆ และผมมั่นใจในรสชาติของลูกชิ้นเราว่า ถ้าได้ลูกค้าได้กินแล้วจะติด แล้วกลับมาซื้ออีก”
      
       เขาบอกต่อว่า ในวงการธุรกิจลูกชิ้นแล้ว บริษัทฯ จัดอยู่ในอันดับประมาณ 5-10 มีปริมาณยอดขายประมาณ 200 –300 กิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งเป็นส่งให้ลูกค้าตามแหล่งต่างๆ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายส่งให้แฟรนไชส์ ทั้งนี้ วางเป้าว่า ภายในปีหน้าจะขยายแฟรนไชส์ให้ได้ 200 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงในอนาคตจะพัฒนาแฟรนไชส์ด้วยการเพิ่มประเภทสินค้าเข้าไปด้วย อาทิ ไส้กรอก , ไส้ฮั่วปลา , จ้อปลา เป็นต้น
      
       ด้านปัญหาของธุรกิจที่ผ่านมา คือ ส่งวัตถุดิบให้ลูกค้าได้ในช่วงบ่าย เนื่องจากโรงงานอยู่ที่ จ.นครปฐม ทำให้กว่าจะผลิตเสร็จ และเดินทางมาส่งให้ลูกค้าในกรุงเทพฯ ได้ ต้องเป็นช่วงบ่ายไปแล้ว สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้าที่ต้องการขายของสดใหม่ในช่วงเช้า ซึ่งปัญหาดังกล่าว บริษัทฯ แก้ไข โดยกำลังจะเปิดศูนย์กระจายสินค้าในกรุงเทพฯ เมื่อเสร็จคาดว่า จะสามารถส่งลูกชิ้นให้ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สนใจแฟรนไชส์ โทร. 02-863-0468 , 097-969-9590
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
157,519
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,645
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,639
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,805
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,557
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
55,082
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด