Trendy Salon ธุรกิจทำผมบนสถานีรถไฟฟ้า 
 
 

        ในเมืองกรุงคงหนีไม่พ้นความเร่งรีบ และต้องทำงานแข่งขันกับเวลา ดังนั้นการให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน สถานเสริมความงาม จะต้องชูจุดขายเน้นความรวดเร็วเป็นหลัก เพื่อปรับตัวให้ทันตามสภาพสังคมเมืองที่เปลี่ยนไป ซึ่งผู้บริโภคก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้บริการสิ่งเหล่านี้ โดยดูจากทำเลทองบนสถานีรถไฟฟ้าที่หลายธุรกิจอยากจะจับจอง แต่ก็ต้องทนแบกรับกับค่าเช่าที่สูงตามไปด้วย
      
       จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลธุรกิจด้านความงามเกิดไอเดีย ที่จะเปิดร้านทำผมบนสถานีรถไฟฟ้า หวังรองรับสาวออฟฟิศที่ต้องแต่งสวยก่อนเข้าทำงาน ซึ่งแนวคิดดังกล่าว ก็เกี่ยวโยงกับนิสัยส่วนตัวของเจ้าของเองด้วยที่ต้องทำผมให้ดูดีทุกเช้าก่อนไปทำงาน
 

       สุนทรี ศรีสำราญ เจ้าของร้าน Trendy Salon 4 สาขา ที่เปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้า เป็นรายแรกของไทย ที่กล้าเสี่ยงลงทุนเปิดร้านทำผม ในทำเลที่ยังไม่มีใครกล้าลงทุนดำเนินธุรกิจนี้ แต่ด้วยเป็นคนที่มุ่งมั่น และกล้าเสี่ยงที่จะลงทุน จึงเริ่มด้วยการขอสินเชื่อจากธนาคารจำนวน 5 แสนบาทมาลงทุนเปิดร้านทำผมบนสถานีรถไฟฟ้า ศาลาแดง เป็นแห่งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ด้วยวัยเพียง 23 ปี เท่านั้น
      
       “การเริ่มต้นธุรกิจ เราเริ่มจากการที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการทำผม และการบริหารร้านทำผมเลย เพียงแต่มองเห็นความเป็นไปในการดำเนินธุรกิจนี้เท่านั้น ที่ไม่มีคู่แข่ง ในทำเลบนสถานีรถไฟฟ้า และจากพฤติกรรมของสาวออฟฟิศในกรุงเทพ ที่มักต้องเสียเวลาในการหาร้านไดร์ผม ก่อนมาทำงาน ทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก ซึ่งหากมีร้านทำผมที่เป็นทางผ่านก่อนไปทำงาน เช่น สถานีรถไฟฟ้า และใช้เวลาทำขั้นต่ำเพียง 30 นาที ก็สวยได้ น่าจะเป็นอีกทางหนึ่งหนึ่งให้กับความออฟฟิศที่รักความสวย”
 
 
       เมื่อมองเห็นช่องโหว่ของตลาด และความต้องการของผู้บริโภค สุนทรี จึงตัดสินใจกู้ยืมเงินจากธนาคารจำนวน 5 แสน บาท เพื่อมาลงทุน โดยประเดิมเปิดให้บริการสาขาแรก คือ ที่สถานีรถไฟฟ้า ศาลาแดง เนื่องจากเป็นย่านชุมชน และมีออฟฟิศตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนการจัดหาช่างทำผมที่มีความชำนาญ จะอาศัยความสนิทสนมคุ้นเคย ให้มาช่วยกันทำงาน ในขณะที่ทางสุนทรี จะนำระบบการบริหารจัดการเข้ามาช่วย เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจไปอย่างราบรื่น แม้ตนเองจะไม่มีความรู้ในเรื่องการทำผมเลยก็ตาม
      
       “เราพยายามสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักก่อน ซึ่งบนสถานีรถไฟฟ้าน่าจะเป็นสถานที่ที่สร้างความคุ้นเคยได้มากที่สุด โดยในแง่การตกแต่งร้านให้ดูทันสมัย หวังสร้างคาร์แลคเตอร์ให้ร้านอินเทรนด์ แต่ยังไม่ทิ้งในเรื่องของคุณภาพที่นอกจากความโดดเด่นในเรื่องความรวดเร็วในการให้บริการแล้ว ยังเน้นที่ฝีมือของช่างที่มีประสบการณ์สูง และผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้กับลูกค้า จะใช้แบรนด์ Shiseido เท่านั้น เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่อยู่กลางๆ ราคาไม่สูงเกินไปนัก และยังเป็นที่รู้จักของคนไทยอย่างแพร่หลาย”
 

       สำหรับขนาดของร้าน Trendy Salon หากมองจากภายนอก จะเห็นว่าใช้พื้นที่ไม่มากนักประมาณ 10 ตารางเมตรเท่านั้น แต่ด้วยศักยภาพการออกแบบร้านทำให้สามารถบริการลูกค้าได้ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสระ-ไดร์ ( 100-250 บาท), สระ-ซอย (300-350 บาท), ทำสีผม (1,500-3,500 บาท), ดัดผม (1,800-2,500 บาท), ยืดผมถาวร (1,500-4,000 บาท), อบไอน้ำ (500-1,500 บาท), ม้วนเกลียว (300-450 บาท) และโปรแกรมโซลูชั่น (2,500 บาท)
      
       “การที่เราเป็นแบรนด์ใหม่ ดังนั้นการให้บริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนอกจากฝีมือของช่างในการทำผมแล้ว ทางร้านยังมีการแนะนำลูกค้า ในการเลือกเมนูในการทำผมตามสภาพเส้นผมด้วย โดยมีเครื่องตรวจเช็คสภาพเส้นผมและหนังศีรษะฟรี ก่อนทำผมด้วย เพื่อคงรักษาเส้นผมของลูกค้าให้ดีที่สุด เช่น หากลูกค้าผมเสียมาก แต่ต้องการทำสีผมที่จะทำให้เส้นผมเสียยิ่งขึ้น ทางร้านก็จะไม่แนะนำ ควรที่จะบำรุงเส้นให้ดีก่อน เป็นต้น ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้สร้างความประทับใจให้ลูกค้าเป็นอย่างมาก”
 
       ปัจจุบันร้าน Trendy Salon มีทั้งหมด 4 สาขาคือ สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง 2 สาขา, สถานีพร้อมพงษ์ และช่องนนทรี โดยขณะนี้สุนทรีต้องการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 750,000 บาท ทำเลบนสถานีรถไฟฟ้า และเมื่อแบรนด์ติดตลาดจะขยายสาขาไปตามคอนโด อพาร์ตเม้นต์ต่างๆ ห้างสรรพสินค้า และคอนวิเนียนสโตร์ ต่อไป

    สนใจติดต่อ 0-2632-6667, 0-2663-4432


อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์