'S.M.E.I.' เสริมความงาม Delivery ส่งด่วนถึงบ้าน 
  

        รศ.ดร.พิชิต ตรีวิทยรัตน์ เจ้าของแฟรนไชส์ S.M.E.I. (Siriwan Medicine Aesthetic Institute) คลุกคลีกับธุรกิจความงามมานานถึง 30 กว่าปี เริ่มจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางป้อนคลินิกเสริมความงาม ซึ่งปัจจุบันธุรกิจในส่วนนี้ก็ยังดำเนินการอยู่ จากนั้นได้เปิดธุรกิจคลินิกเสริมความงามภายใต้ชื่อ “คลินิกสิริวรรณ” ซึ่งดำเนินการมานานกว่า 20 ปีแล้วเช่นกัน
      
       และยังเป็นผู้นำสถาบันความงามรายแรกๆ ที่นำเข้าเครื่องจากต่างประเทศ และเป็นผู้ให้คำนิยามของเครื่องไมโครเดอร์มาเบชั่น เป็นภาษาไทยว่า "เครื่องกอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี" ปัจจุบันยังคงดำเนินธุรกิจคลินิกสิริวรรณ และผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำหรับสถาบันเสริมความงามที่ประกอบขึ้นเองภายในประเทศ
      
       ทั้งนี้ จากการอยู่ในวงการธุรกิจเสริมความงามมานาน มองเห็นช่องว่างในตลาดและโอกาสธุรกิจ หากมองที่โอกาสธุรกิจพบว่า 50-60% ของประชาการในประเทศ 70 กว่าล้านคนยังมีปัญหาผิวพรรณ ทำให้การเติบโตของสถาบันเสริมความงามโดยเฉพาะผิวหน้า ผิวกายเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด และถ้าเข้ามาทำธุรกิจได้มาเก็ตแชร์ 5% ของตลาดผู้มีปัญหาผิวพรรณธุรกิจก็ดำเนินการได้
      
       และช่องว่างที่บริษัทเล็งเห็น คือ คอนเซ็ปต์ Delivery ส่งตรงความงามถึงบ้าน พร้อมการบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการเทรนนิ่งมาอย่างดีจากบริษัท
  
       รศ.ดร.พิชิต ขยายความว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนโฉมไปมาก การที่จะมารอลูกค้าเดินเข้าร้านมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว แม้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นก็ตาม แต่ความต้องการของคนก็เปลี่ยนไปต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น การบริการส่งตรงถึงบ้าน ส่งด่วนถึงบ้าน หรือ Delivery นั้นจึงเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าสินค้า บริการทุกประเภทจะต้องมีบริการเสริม Delivery ด้วยกันทั้งนั้น
      
       สำหรับธุรกิจความงามด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาจะพบว่า การให้บริการตามบ้านนั้นส่วนใหญ่เป็นรายย่อยที่ทำกันเอง ไม่มีแบรนด์สินค้าและผู้ให้บริการรับประกัน ทำให้การให้บริการยังจำกัดในวงแคบ ๆ การขยายตลาดเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่มั่นใจถึงความปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ จึงเล็งเห็นช่องว่างของตลาด นอกจากการเปิดให้บริการคลินิกสิริวรรณที่สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว
      
       และการจากเข้ารับการปรึกษากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ข้อมูลว่าเนื่องจากธุรกิจดำเนินการมานานกว่า 30 ปี มีบริการ สินค้าที่ครบวงจร ทั้งการผลิตเครื่องสำหรับเสริมความงาม เวชสำอาง และศูนย์เทรนนิ่งให้กับผู้ซื้อเครื่อง รวมถึงคลินิกสิริวรรณให้บริการลูกค้า จึงได้เข้าอบรมกับกรมฯ ในโครงการ B2B เพื่อดำเนินธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์ S.M.E.I. (Siriwan Medicine Aesthetic Institute)

          โดยได้แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่

1. รูปแบบ A “Beauty Delivery” ลงทุน 2.5 แสนบาท พร้อมอุปกรณ์ “Majic Lift ” จำนวน 1 ชุด ที่พัฒนามาจากเครื่องไอออนโตรหรือเครื่องผลักยาด้วยกระแสไฟฟ้า ที่สามารถให้บริการลูกค้าผิวหน้าและผิวตัว พร้อมเวชสำอาง
2. รูปแบบ B ยังคงเป็น Delivery เช่นกัน แต่มีรถยนต์เป็นของตนเอง ลงทุน 6 แสนบาท จะมีชุด “Majic Lift และ “เครื่องกอผิว” เพื่อใช้บรรทุกเครื่องมือที่มากขึ้น
3. รูปแบบ C ให้บริการในอาคารพาณิชย์ ลงทุน 2.9 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์เต็มชุดทั้ง 4 เครื่องได้แก่ ไอออนโตร เครื่องผลักยาด้วยกระแสไฟฟ้า เครื่องกอผิว คาร์บอนไดออกไซส์เลเซอร์ร้อนและเลเซอร์เย็น

ซึ่งทางบริษัทจะมีระบบเทรนนิ่งให้กับผู้ลงทุนหรือพนักงานก่อนที่จะออกบริการลูกค้าเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อเก็บเคสประมาณ 20 เคส ทำการฝึกการใช้เครื่องมือให้เกิดความชำนาญและทำการทดสอบจากทางบริษัท รวมถึงตำแหน่งผู้จัดการกรณีลงทุนรูปแบบร้านอาคารพาณิชย์ให้รู้ถึงการบริหารจัดการธุรกิจเสริมความงาม
 
       รศ.ดร.พิชิต กล่าวว่า สำหรับค่ารอยัลตี้บริษัทจะจัดเก็บแบบขั้นบันไดเริ่มจากศูนย์คือยังไม่มีการจัดเก็บหากลูกค้ายังไม่มีรายได้ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อมีรายได้เข้ามาจะเริ่มต้นที่ 6.5% และขยับไปที่ 10% อายุสัญญาที่ 10 ปี
      
       ซึ่งมีการให้บริการจำนวน 10-20 เมนู จำนวนเมนูที่ให้บริการนั้นขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุน เช่น รูปแบบ A มีด้วยกันทั้งสิ้น 10 เมนู เช่น ลดริ้วรอย ลดหน้ามัน ปลูกผม หน้าเด้ง กระชับรูขุมขน หน้าใส ปลูกคิ้ว ลดความอ้วน เป็นต้น สำหรับราคาค่าบริการของการให้บริการแบบ Delivery นั้นทุกเมนูราคาเท่ากันหมดที่ 300 ราย แต่ราคาจะปรับเพิ่มจากระยะทางที่สูงสุดอาจถึง 2,500 บาท
      
       "ขณะนี้บริษัทได้ทดลองตลาดรูปแบบ A จำนวน 100 ราย พบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าใช้บริการ เพราะมั่นใจกับการให้บริการและรับรองโดยคลินิกสิริวรรณ และทำการประเมินการคืนทุนรูปแบบ A เฉลี่ย 17 เดือนหรือปีเศษๆ"
      
       รศ.ดร.พิชิต กล่าวถึงแผนธุรกิจไว้ว่า นอกจาการขยายแฟรนไชส์ในประเทศแล้ว มุ่งตลาดต่างประเทศ โดยได้เข้าร่วมโครงการแฟรนไชส์ไทยสู่แฟรนไชส์โลกกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าการ ล่าสุดได้เปิดตลาดที่กัมพูชาใน 2 เมืองใหญ่ คือ พนมเปญ และเสียมเรียบ สำหรับพนมเปญ มีเซ็นเตอร์แบบ C หรืออาคารพาณิชย์จำนวน 1 สาขา และขยายแบบ A Delivery อีกจำนวน 10-20 เพื่อสนับสนุนแบบ C กรณีที่ลูกค้าต้องการบริการที่ครบวงจรมากกว่าโดยอาจเป็นการหาลูกค้าป้อนและแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ส่วนเสียมเรียบอาจขยายรูปแบบ A ก่อนเพราะเจาะกลุ่มลูกค้าถึงบ้านแทนการออกมาใช้บริการเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก
      
       แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจคลินิกความงามในเมืองไทยและตลาดเพื่อนบ้านของไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพียงแต่ต้องมองช่องว่างของตลาดและเป็นธุรกิจตัวท้ายๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์