'A coffee' ยกเครื่องกาแฟโบราณ ยิงจุดขายอร่อยถูกปาก ราคาถูกใจ

แม้กาแฟสดจะเป็นที่นิยมอย่างสูง ทว่า คอกาแฟอีกจำนวนไม่น้อย ยังชื่นชอบและประทับใจรสชาติกาแฟแบบโบราณ ประกอบกับเห็นช่องว่างราคาของกาแฟทั้งสองกลุ่มที่ห่างกันค่อนข้างมาก ทำให้แบรนด์ “เอ คอฟฟี่” (A coffee) ขอแทรกตัวมุ่งเจาะตลาดตรงกลาง นำเสนอเป็นกาแฟโบราณในรูปโฉมใหม่ทันสมัย ขณะที่รสชาติกลมกล่อมไม่แพ้ยี่ห้อดัง แต่ขายในราคาสบายกระเป๋า

ณัชชา โกมลวัจนะ เจ้าของธุรกิจ “A coffee” เผยว่า ชอบดื่มกาแฟทุกชนิดมาก โดยเฉพาะกาแฟโบราณที่มีวิธีชงใช้ถุงผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ ทว่า ปัจจุบันจะหาดื่มกาแฟโบราณรสชาติดีได้ค่อนข้างยาก เพราะกาแฟโบราณที่ขายทั่วไปในท้องตลาดจะมีส่วนผสมเมล็ดกาแฟแค่ 30% และผสมธัญพืชอีก 70%
 

       
ส่วนกาแฟสดนั้น มีปริมาณสารกาเฟอีนสูง ทำให้บางคนดื่มแล้วมีผลบีบหัวใจ และที่สำคัญ ราคาค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นยี่ห้อดัง ขายแก้วละเป็นร้อยบาท จึงอยากเสนอทางเลือกตรงกลาง โดยเป็นกาแฟโบราณรสชาติดีไม่แพ้กาแฟสด ขายในราคาไม่แพง

“จุดสำคัญที่ทำให้กาแฟทั้งสองกลุ่ม ราคาแตกต่างกันค่อนข้างมาก คือ ปริมาณการใส่เมล็ดกาแฟ ดังนั้น เราจึงอยากเป็นทางเลือกตรงกลาง คิดค้นสูตรของตัวเอง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างกาแฟสดกับโบราณ ด้วยการเพิ่มปริมาณเมล็ดกาแฟคั่วบดถึง 50% ให้มีความหอมและเข้มข้นเพิ่มขึ้น ผสมเข้ากับธัญพืชซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอีก 4 ชนิด คือ เมล็ดข้าวโพด เมล็ดถั่วเหลือง ข้าวกล้อง และงาดำ แต่ใช้กรรมวิธีคั่วบด และชงดั้งเดิม เพื่อให้ได้รสชาติโบราณที่คุ้นลิ้น” ณัชชา กล่าวถึงเคล็ดลับสูตร
       
เนื่องจากวางตำแหน่งเพื่อตลาดระดับกลาง เจ้าของธุรกิจ ระบุว่า พยายามพัฒนาสินค้าให้ตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงที่สุด ทั้งคุณภาพวัตถุดิบใช้เกรดเอ เมล็ดกาแฟ ผสมระหว่างโรบัสต้า และอาราบิก้า สั่งจากแหล่งภาคเหนือและภาคใต้ นำไปคั่วบดในโรงงานที่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้น พยายามปรับภาพลักษณ์ภายนอกให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ผ่านมาตรฐานอาหาร บรรจุภัณฑ์ แก้ว รวมถึง การสร้างแบรนด์
 

ด้านช่องทางตลาดนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ขายผงกาแฟ และผงชาคั่วบดสำเร็จรูปบรรจุถุง ทั้งปลีกและส่งผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะมีให้เลือกหลายขนาด และหลายเกรด ราคาตั้งแต่ 25-90 บาทต่อถุง และ 2. ขายธุรกิจกึ่งแฟรนไชส์สำหรับผู้อยากมีอาชีพ
       
ณัชชา อธิบายเสริมถึงธุรกิจกึ่งแฟรนไชส์ A coffee ว่า ผู้สนใจใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 30,000 บาท ได้ รับเคาน์เตอร์ พร้อมอุปกรณ์ครบชุดพร้อมเริ่มต้นธุรกิจ เช่น หม้อต้มน้ำ ชุดเตาแก๊ส แก้ว หลอด ผงกาแฟ ฯลฯ หรือกรณีไม่ต้องการเคาน์เตอร์ เหลือ 15,000 บาท ทั้ง2 รูปแบบได้รับบริการเสริม เช่น ฟรีค่าขนส่ง ติดตั้งอุปกรณ์ร้าน ฝึกอบรม ที่ปรึกษาธุรกิจ สนับสนุนการตลาด ผ่านการลงโฆษณา และออกงานแฟร์ เป็นต้น

สำหรับราคาขายปลีก ในส่วนกาแฟร้อน ชานมร้อน โอเลี้ยง ชาดำเย็น น้ำแดง-น้ำเขียวโซดา แก้วละ 15 บาท ส่วนกาแฟเย็น และชานมเย็น แก้วละ 20 บาท ซึ่งผู้ขายจะมีกำไรต่อหน่วยจากราคาขายปลีกประมาณ 50% (ยังไม่รวมค่าพนักงานและค่าเช่า) หากขายได้วันละ 50 แก้ว ธุรกิจจะอยู่รอดได้ และคืนเงินลงทุนได้ภายใน 2 เดือน

เจ้าของไอเดีย เผยว่า เงื่อนไขในการร่วมธุรกิจ จะต้องรับผงกาแฟ ผงชา และแก้ว จากส่วนกลางของ A coffee เท่านั้น ส่วน วัตถุดิบอื่นๆ เช่น นมข้นหวาน น้ำตาลทราย ฯลฯ ให้ผู้ลงทุนจัดหาเอง โดยจะแนะนำแหล่งซื้อกับวัตถุดิบที่เหมาะสม ส่วนขั้นตอน และสูตรการชง ใช้วิธีสอนก่อนเปิดร้านจริง โดยขณะนี้ มีผู้ร่วมธุรกิจแล้ว 2 สาขา ได้แก่ ย่าน ถ.สาทร และตลาดวังหลัง เปิดบริการมาประมาณ 2 เดือนแล้ว มียอดขายเฉลี่ยวันละ 100 แก้ว

       
ณัชชา เผยด้วยว่า ใช้เงินส่วนตัวปลุกปั้นธุรกิจ A coffee กว่าเจ็ดหลัก เตรียมตัวอยู่ร่วมปี ทั้งการสำรวจตลาด ตลอดจนทดลองสูตรจนได้รสชาติที่เชื่อว่า กลมกล่อมคุ้นลิ้นแบบกาแฟโบราณ พร้อมกับหอมนุ่มไม่แพ้กาแฟสดยี่ห้อดัง โดยวางเป้าในปี 2554 จะขยายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีสมาชิกแฟรนไชส์ประมาณ 10 สาขา

“ดิฉันเชื่อว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ชื่นชอบกาแฟโบราณที่อาแป๊ะแก่ๆ ชงด้วยถุงโอเลี้ยง ซึ่งเป็นความประทับใจที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี และหวังว่า ด้วยสูตรที่เราพัฒนาขึ้นนี้ จะช่วยให้เปลี่ยนมุมมองของคนทั่วไปที่มีต่อกาแฟแบบโบราณไทยว่า รสชาติก็ดีไม่แพ้กาแฟราคาแพง” เจ้าของธุรกิจ กล่าว
       
โทร.0-2192-1627-8
 

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์