จากแนวคิดของสามพี่น้องที่ต้องการมีธุรกิจของตัวเอง กลายมาเป็น “โจ๊กบางกอก” แฟรนไชน์ร้านขายโจ๊กที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ภายในหนึ่งปี ทะยานสู่เบอร์หนึ่งในวงการ ด้วยจำนวนสาขาและยอดขายสูงสุด เคล็ดลับความสำเร็จนอกจากคุณภาพสินค้าและบริการแล้ว คือ การบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างลงตัว 

 

เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว สามพี่น้องตระกูล “ธุระกิจเสรี” ประกอบด้วย นายสมชัย พี่ชายคนโต นายมานะ คนรอง และนายสิทธิเดช น้องชายคนเล็ก ร่วมลงขันทำธุรกิจคนละ 100,000 บาท ด้วยแนวคิดให้เป็นแฟรนไชส์รูปแบบง่ายๆ ในที่สุดลงตัวที่ร้านขายโจ๊ก เพราะพี่ชายคนโต เปิดร้านขายโจ๊ก ข้าวหน้าเป็ด และข้าวหมูกรอบอยู่แล้ว จึงมีความชำนาญในการผลิต อีกทั้งโจ๊กเป็นอาหารที่ต้นทุนต่ำ กำไรสูง และง่ายต่อการควบคุมคุณภาพแฟรนไชส์ 

 

นายมานะ ธุระกิจเสรี กล่าวว่า เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด เป็นที่มาของชื่อ “โจ๊กบางกอก” ซึ่งโจทย์ในการตั้งต้องเป็นคำง่ายๆ สื่อสารชัดเจน และได้ความรู้สึกว่า ทุกคนกินได้ ฟังแล้ว ไม่รู้สึกหรูหราหรือเกณฑ์ต่ำเกินไป ดังนั้นต้องมีคำว่า “โจ๊ก” อยู่ด้วย ส่วนคำว่า “บางกอก” มาจากสูตรโจ๊กที่เป็นส่วนผสมดัดแปลงโจ๊กสไตล์ฮ่องกง ให้รสชาติถูกปากคนไทย โดยไม่เหลวหรือข้นเกินไป แต่กว่าจะมาลงตัวที่ชื่อนี้ ลองตั้งมาหลายชื่อ อาทิ โจ๊ก 3 ชาย , โจ๊ก 5 ดาว เป็นต้น

 

เมื่อวางเป้าจะขายในรูปแฟรนไชส์ จึงตั้งบริษัท เจบีเค ฟู้ดส์ จำกัด ขึ้นมาดูแลกิจการนี้ โดยสามพี่น้องแบ่งการรับผิดชอบอย่างชัดเจน นายสมชัย ดูแลการควบคุมสูตรอาหาร นายมานะ ดูแลด้านการตลาด ในขณะที่นายสิทธิเดช รับผิดชอบการขยายแฟรนไชน์ หลังจากนั้น “โจ๊กบางกอก” สาขาแรกที่โชคชัย 4 ซอย 35 จึงเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2545 เพื่อเป็นร้านต้นแบบทดลองตลาด และสร้างพื้นฐานความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับ โดยมีคอนเซ็ปต์การจัดร้านเน้นบรรยากาศดูเก่า ให้ความรู้สึกว่า ร้านนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโจ๊กจริงๆ อยากเข้ามาลองทานเมื่อเดินผ่านหรือขับรถผ่าน 

 

อีกทั้ง วางแผนด้านสินค้าและบริการ ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการให้ลูกค้ามีทางเลือก เช่น เครื่องในหมูมีให้เลือกหลายชนิด ไข่มีให้เลือกทั้งไข่ไก่ลวก ไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้า ส่วนขิงซอย หอมซอย เสิร์ฟแยกต่างหาก ลูกค้าปรุงเองตามชอบใจ หมี่กรอบ ปาท่องโก๋จิ๋ว มีให้บริการโดยไม่คิดมูลค่า พนักงานใส่ชุดฟอร์ม และมีแผนโปรโมชั่นให้ชิมฟรี เป็นต้น ซึ่งจากสินค้าและบริการเหล่านี้ ทำให้ยอดขายจากช่วงแรกวันละ 3,000 –4,000 บาท ขึ้นมาเป็นวันละ 50,000 บาท ภายในเวลา 5 เดือน เมื่อถึงจุดนี้ จึงพร้อมที่จะขายแฟรนไชส์แก่คนทั่วไป 
 

 
 
 

โตพรวด! แค่ 1 ปี ขยาย 46 สาขา 

 

นายมานะ เปิดเผยว่า ธุรกิจแฟรนไชส์โจ๊กบางกอกเริ่มขยายสาขาตั้งแต่ เมษายน 2546 ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ ระยะเวลาแค่ปีเดียวเพิ่มเป็น 46 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40 สาขา และต่างจังหวัด 6 สาขา ยอดขายรวมกว่า 500,000 ชามต่อเดือน สูงที่สุดของธุรกิจประเภทนี้ ทั้งนี้ มีผู้ให้ความสนใจเสนอขอซื้อแฟรนไชส์ถึง 200 ราย แต่ได้รับพิจารณาคิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะต้องการคัดผู้ที่มีความพร้อมจริงๆ เพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์ ในขณะเดียวกัน ต้องการให้สาขาอยู่รอดและประสบความสำเร็จ 

 

สำหรับค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 20,000 บาท เก็บครั้งเดียว ไม่มีค่ารายเดือน รายปี หรือค่าต่อสัญญา เงินจำนวนนี้เป็นค่า ฝึกอบรม สอนงาน ส่วนการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ค่าป้ายไฟ เตา หม้อ จาน ชาม โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายเอง โดยบริษัทฯ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานให้ รวมแล้วทั้งสิ้นต้องลงทุน 100,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดร้านและจำนวนโต๊ะ 

 

ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯ มาจากการขายวัตถุดิบสำเร็จรูป เพราะจากผลสำรวจลูกค้าไม่ได้ต้องการทำร้านอาหาร แต่อยากมีรายได้เสริม ดังนั้น จึงต้องมีความง่ายของการจัดการร้าน ซึ่งบริษัทฯ จะขายวัตถุดิบส่งให้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหอมมะลิพร้อมใช้ กิโลกรัมละ 20 บาท หัวน้ำซุป ถุงละ 70 บาท ปาท๋องโก๋ กิโลกรัมละ 70 บาท และหมูบด กิโลกรัมละ 120 บาท ทั้งหมดได้ผ่านการปรุงรสเรียบร้อยแล้ว ต้มสุกพร้อมเสิร์ฟทันที ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวโจ๊กหรือต้มน้ำซุป ดังนั้น รสชาติจึงไม่เพี้ยนไปจากเดิม 

 

ในส่วนผลกำไรของร้านสาขาหรือแฟรนไชซี่ที่เปิดมาแล้วนั้น นายมานะ เปิดเผยว่า เฉลี่ยตั้งแต่ 30,000 ถึง 150,000 บาทต่อเดือน โดยสาขาที่ขายดีที่สุดมีรายได้เดือนละถึง 500,000 บาท ต่ำสุดก็ยังกำไรเดือนละ 30,000 บาท ทำให้แฟรนไชซี่สามารถคืนทุนภายใน 2-4 เดือน เท่าที่ผ่านมามีเพียง 2 รายเท่านั้น ต้องปิดตัวไป แต่เป็นด้วยปัญหาผู้ลงทุนไม่สนใจดูแลกิจการของตัวเอง สำหรับแผนงานในอนาคตตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 100 สาขาภายในปีนี้ โดยขณะนี้มีศักยภาพการผลิตวัตถุดิบพร้อมรองรับอยู่แล้ว นอกจากนั้น จะเน้นในการรักษาคุณภาพของแฟรนไชส์ และถี่ถ้วนต่อการรับแฟรนไชส์ใหม่ เพราะเวลานี้ คู่แข่งไม่มีใครนอกเสียจากตัวเอง

 

* สนใจติดต่อได้ที่ นายมานะ ธุระกิจเสรี โทร.08-1337-6961

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์