ดาวเด่นแฟรนไชส์    เอสแอนด์พี จัดทัพร้านอาหารสู้ศึก ลุยเปิดแบรนด์เกาหลี-ญี่ปุ่น/ป...
7.8K
8 พฤษภาคม 2556
เอสแอนด์พี จัดทัพร้านอาหารสู้ศึก ลุยเปิดแบรนด์เกาหลี-ญี่ปุ่น/ปักธงอินโดจีนปีหน้า


 
 
เครือเอสแอนด์พีเร่งจัดทัพร้านอาหารในเครือเสริมศักยภาพ เตรียมนำแบรนด์บุกตลาดอินโดจีนรับเปิดเออีซี เล็งเปิดเขมรปีหน้า ตั้งเป้า 5 ปี ปักธงครบ ซื้อแฟรนไชส์-ร่วมทุน ค่ายดังร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลีเปิด 2 แบรนด์ปีนี้ พร้อมรีวิวฐานผลิตใหม่ ทุ่มงบฯตั้งโรงงานทุกภาค เล็งสุราษฎร์ฯ-ขอนแก่น-ลำพูน เชื่อกำลังซื้อยังดีต่อเนื่อง 
 
"เอสแอนด์พี" เครือร้านอาหารคนไทยอายุครบรอบ 40 ปีในปีนี้ ถือเป็นปีที่มีการขยับตัวครั้งใหญ่ในหลายด้านเพื่อรับมือกับการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทัพร้านอาหารในเครือ การซุ่มศึกษาเพื่อนำแบรนด์ "เอสแอนด์พี" ที่ถือเป็นแบรนด์แม่ไปบุกตลาดต่างประเทศในแถบอินโดจีน รวมถึงเป็นปีแห่งการ "เพิ่มแบรนด์" ด้วยการฉีกธรรมเนียมของบริษัทที่เน้นสร้างแบรนด์ของตัวเอง หันมาใช้ทางลัดด้วยการซื้อแฟรนไชส์และร่วมทุนกับค่ายร้านอาหารต่างประเทศ เพื่อเกาะติดกับกระแส "ร้านอาหารญี่ปุ่น" ที่ฮอตฮิตอยู่ในขณะนี้ 
 
นายวิทูร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส-ธุรกิจอาหารในประเทศ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการจัดทัพแบรนด์ร้านอาหารในเครือเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจของแต่ละแบรนด์ในอนาคต อาทิ ปรับแบรนด์ร้านอาหารอิตาเลียน "พาทิโอ" จากเดิมเปิดให้บริการในศูนย์การค้า เปลี่ยนมาเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่ที่สุขุมวิท 26 เจาะกลุ่มระดับบน เพื่อให้โพซิชันนิ่งชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกับแบรนด์เอสแอนด์พี ส่วนสาขาที่มีอยู่ อาทิ ในอิเซตันก็ได้ปิดให้บริการ ส่วนสาขาที่ออลซีซันส์ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นร้านเอสแอนด์พี 
 
"พาทิโอกับเอสแอนด์พี โพซิชันนิ่งใกล้เคียงกัน ทำให้มีการแย่งลูกค้ากันเอง ยกตัวอย่าง เอสแอนด์พีราคาต่อหัวอยู่ที่ 250 บาท ขณะที่พาทิโออยู่ที่ 300 บาท เป็นที่มาของการปรับพาทิโอมาเป็นภัตตาคารหรู เจาะกลุ่มระดับบนไปเลย" 
 
สำหรับแบรนด์ "วานิลา" อยู่ระหว่างการปรับเรื่องโอเปอเรชั่นให้มีความคล่องตัว และง่ายต่อการบริหารงาน โดยลดความซับซ้อนเพื่อศักยภาพในการสร้างรายได้ ทำกำไร และเอื้อต่อการเปิดสาขาในอนาคต ปัจจุบันมี 4 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาก็มีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน ล่าสุดก็เพิ่งเปิดแบรนด์ "วานิลา โฮม คาเฟ่" ที่ศูนย์การค้าสีลม คอมเพล็กซ์ ในคอนเซ็ปต์ร้านอาหารไทย
 
"วานิลาไม่มีปัญหาเรื่องโพซิชันนิ่ง เป็นร้านที่มีความครีเอทีฟ แปลกใหม่ เป็นแหล่งของการคิดค้นนวัตกรรมสินค้าต่าง ๆ ที่ซัพพอร์ตให้กับร้านอาหารทั้งเครือเอสแอนด์พีได้ แต่ที่ต้องปรับคือเรื่องโอเปอเรชั่นต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น ต้องบาลานซ์ระหว่างธุรกิจและความครีเอทีฟด้วย" 
 
 
 
นายวิทูรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันร้านเอสแอนด์พีมีสาขากว่า 400 สาขา เปิดให้บริการเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย ปีนี้คาดว่าจะเปิดอีก 50 สาขา ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในช่วงปลายปี 2558 บริษัท
 
ตั้งเป้าบุกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านการร่วมทุน หรือแฟรนไชส์ คาดว่าสาขาแรกจะเปิดที่กัมพูชาในปีหน้า ก่อนจะขยับไปที่พม่า เวียดนาม และลาวในอนาคต ตั้งเป้า 5 ปีจะสามารถปักธงในอินโดจีนได้ครอบคลุม หลังจากนั้นจะเริ่มขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน รวมถึงเอเชีย 
 
จริง ๆ แล้วเครือเอสแอนด์พีมีการรุกตลาดต่างประเทศมากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นในยุโรป ใช้แบรนด์อย่างภัทรา, สุดา เป็นต้น ขณะที่ภายใต้แบรนด์ "เอสแอนด์พี" นั้นที่ผ่านมายังไม่มีการขยายไปต่างประเทศ 
 
"เราไม่ได้มองว่าเราขยับตัวช้าไป เพราะที่สำคัญคือการหาพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่ใช่ สไตล์การรุกของเราจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ผลีผลาม คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ปี ในการหาโมเดลการเปิดสาขาต่างประเทศของเอสแอนด์พีให้ลงตัว โดยเฉพาะประเทศที่จะเป็นยุทธศาสตร์ในการขยาย" 
 
ทั้งนี้ การขยายแบรนด์ "เอสแอนด์พี" ในต่างประเทศถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตของบริษัท เนื่องจากเอสแอนด์พีเป็นแมสแบรนด์ที่สามารถขยายสาขาได้จำนวนมาก ผิดกับแบรนด์อย่างภัทรา สุดา ฯลฯ ที่เจาะกลุ่มบน ไม่ได้เน้นเปิดสาขามากนัก โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% โดยเป้าหมายของแบรนด์เอสแอนด์พีคือการก้าวสู่ "รีจินอลแบรนด์" ในอนาคต 
 
นอกจากแบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทเดินหน้าเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อรับกับการเติบโตในอนาคตและสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบัน ตั้งเป้าเปิด 2 แบรนด์ในปีนี้ ได้แก่ ร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น ส่วนอีกแบรนด์จะเป็นร้านอาหารเกาหลี ผ่านรูปแบบการซื้อแฟรนไชส์ โดยปัจจุบันต้องยอมรับว่าปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น รวมถึงอาหารเกาหลี ทำให้บริษัทต้องปรับตัว 
 
ปลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ "ไมเซ็น" โดยซื้อแฟรนไชส์จากบริษัท IZUTSU MAISEN ประเทศญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่สีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาในปีนี้ถึงต้นปีหน้า 
 
 
 
"วันนี้เดินเข้าไปในศูนย์การค้า เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นถึง 70% เราก็ต้องปรับตัว และตอบสนองผู้บริโภคในจุดนี้ ปีนี้จึงเป็นปีแห่งการเพิ่มแบรนด์ หลังจากนี้ก็จะเน้นทำแบรนด์ที่มีอยู่ให้แข็งแรง" 
 
นายวิทูรกล่าวอีกว่า เพื่อรับการขยายตัวในอนาคต และจากการที่บริษัทมีสาขากระจายครอบคลุมทุกภาค จึงมีแผนสร้างโรงงานให้ครอบคลุมเพื่อง่ายต่อการขนส่ง ลดต้นทุน และทำให้สินค้ามีความสดใหม่ จากปัจจุบันมีโรงงานหลักอยู่ที่สุขุมวิท 62, บางนา และจังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะสร้างโรงงานที่ภาคใต้คือสุราษฎร์ธานี ขณะที่ภาคอีสานอยู่ระหว่างศึกษาอาจจะเป็นขอนแก่น ในส่วนของภาคเหนือในปีนี้จะมีการย้ายโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เชียงใหม่มาที่นิคมอุตสาหกรรมลำพูนเพื่อเพิ่มกำลังผลิต คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ภายในปีหน้า ใช้งบฯลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท 
 
"ปีนี้ยอดขายไตรมาส 1 เทียบกับปีที่แล้วอาจไม่ดีขึ้นมากนัก เพราะไตรมาส 1 ปีที่แล้วยอดขายดีมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังซื้อผู้บริโภคถือว่าดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา"

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ

ขอขอบคุณรุปภาพจาก https://www.facebook.com/snpfood
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
157,522
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,645
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,650
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,807
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,558
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
55,082
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด