ปริทัศน์ ชัยเจริญวรรณ เจ้าของ โรโบมายด์ เล่าถึงรูปแบบการเรียนรู้ผ่านหุ่นยนต์ โรโบมายด์ ว่า โรโบมายด์ จัดอยู่ในกุลุ่ม การศึกษาทางเลือก (Alternative Education) เป็นการส่งเสริมพัฒนาการเด็กในช่วงปฐมวัย 4-12 ปี ผ่านการเล่นหุ่นยนต์ โดยยึดแนวทางการเรียนรู้ผ่านโครงงาน ที่เรียกกันว่า PBL: Project based learning หรือเรียนรู้ผ่านการเล่น PBL: Play based learning เพราะเชื่อว่าหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ของเด็กว่า ที่เห็นเด็กเล่นนั้น

เขากำลังเรียนรู้’ การเรียนการสอนของเราจึงใช้ภารกิจหุ่นยนต์ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ (On-hand experience) เด็กจะได้รับพัฒนาทั้ง EQ และ IQ ในระหว่างการเรียน ส่งเสริมให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
 

 

เมื่อเวลาผ่านไปหลายปียังไม่มีการศึกษาในแบบที่กล่าวมาข้างต้นมาเปิดในประเทศไทย คุณปริทัศน์ เลยตัดสินใจเปิดด้วยตัวเอง โดยคาดหวังเพียงจะให้ลูกชายได้เรียนรู้อย่างที่ตัวเองต้องการ จึงเริ่มศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจัง และพบว่าใช้งบลงทุนไม่สูงนัก แล้วยังมีแนวโน้มความต้องการในตลาดที่ดี เพราะปัจจุบันผู้ปกครองหันมาส่งเสริมพัฒนาการของลูกตนเองในหลายมิติมากขึ้น ไม่รอเฉพาะแค่ในรั้วโรงเรียนเท่านั้น เพราะสังเกตจากช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เราจะเห็นเด็กไปเรียนดนตรี ศิลปะ เต้นรำ ดังนั้นการเรียนหุ่นยนต์ก็น่าจะเป็นทางเลือกในการศึกษาอย่างหนึ่งได้เช่นกัน

 
 
 

“โดยส่วนตัวผมมีพื้นฐานเป็นวิศวกร เคยทำงานในองค์กรเอกชนข้ามชาติ และเคยทำงานในต่างประเทศมาเป็นระยะ ซึ่งประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศทำให้เห็นและรับรู้การพัฒนาคนของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจ ยิ่งถ้านำมาเทียบกับบ้านเรา ซึ่งตอนนี้ถือเป็นปัญหาระดับสังคมเวลานี้แล้วล่ะก็ ยิ่งน่าสนใจมาก ทำให้อยากทำอะไรที่มีส่วนร่วมตรงนี้บ้าง”

 

ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาสมัครเรียนกันมากเกินความคาดหมาย สำหรับสาขาแรกที่เชียงใหม่ และสามารถเปิดศูนย์ที่สอง ด้วยระยะเวลาไม่นาน และจากความการตอบรับที่ดี เป็นแรงบันดาลใจ ให้เรา มีความคิดว่าน่าจะขยายศูนย์ออกไปให้กับเด็กทั่วประเทศได้เรียนรู้ สิ่งดีดี จึงตัดสินใจเปิดแฟรนไชส์ ส่วนหนึ่งนอกจากต้องการขยายโอกาสการเข้าถึงการเรียนหุ่นยนต์นี้ออกไป ต้องการสร้างอาชีพให้กับคนที่สนใจธุรกิจการศึกษา ด้วย
 

ทั้งนี้ ปัจจุบันสามารถขยายได้ถึง 4 สาขา และมีแผนจะที่จะเปิดเพิ่มอีกหลายสาขา ในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย กับผู้สนใจในหลายพื้นที่ ซึ่งทั้ง 4 สาขาจะมีลูกค้ามากน้อยแตกต่างกันไป แต่สำหรับสาขาเชียงใหม่ เปิดให้บริการมาได้ประมาณ 1 ปี มีลูกค้าหลักหลายร้อยคนต่อเดือน ลูกค้าจะมากในช่วงปิดเทอม ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากการบอกกันแบบปากต่อปากในช่วงแรก แต่ในอนาคตคงจะต้องใช้การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเข้ามาช่วย หลังจากมีสาขาแฟรนไชส์เพิ่มมากขึ้น
 

 
 
 

ปริทัศน์ กล่าวถึง ผลตอบแทนที่แฟรนไชส์จะได้รับ จะมาจาก ค่าบริการที่ศูนย์ และกิจกรรมทำร่วมกับโรงเรียน เช่น ค่ายหุ่นยนต์ หรือสอนในโรงเรียน ส่วนค่าแฟรนไชส์ จะมีแค่ค่าแรกเข้า และค่าต่อสัญญา ไม่เรียกเก็บรายเดือน เพื่อความยุ่งยากในการทำเอกสาร โดยเริ่มแรก 150,000 บาท สามารถเปิดให้บริการได้เลย ผ่านไป 3 เดือน ส่งงวดสอง 30,000 บาทและผ่านไป 3 เดือนส่งวดต่อไป 20,000 บาท ส่วนการต่อสัญญาทำทุก 3 ปี โดยทางเราให้ลิขสิทธ์การใช้หลักสูตร พร้อมจัดชุดหุ่นยนต์ จัดอบรมและดูงาน ให้คำปรึกษาจนเปิดธุรกิจได้

 

สำหรับการให้บริการ เริ่มจากการสอนการประดิษฐ์หุ่นยนต์ โดยลูกค้าซื้อบริการเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน เรียนครั้งละ 1-2 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็ก เช่น อายุ ประสบการณ์และความสนใจ หลักสูตรแบ่งระดับตามความซับซ้อนจากพื้นฐานจนถึงเชี่ยวชาญ สามารถเข้าการแข่งขันหุ่นยนต์ประดิษฐ์ในเวทีต่างๆได้ การมาใช้บริการของลูกค้าแต่ละครั้งจะมีการประเมินการเรียน บันทึกภาพและประสบการณ์การเรียนของเด็กให้ผู้ปกครองได้รับรู้ด้วย และสำหรับผู้ที่สนใจซื้อหุ่นยนต์หรือชิ้นส่วนไปฝึกฝนต่อที่บ้าน ทางเราก็มีบริการจัดหาให้ด้วยเช่นกัน

 

ปัจจุบันหลักสูตรการพัฒนาแบบหุ่นยนต์ ทางเราได้พัฒนาขึ้นมารวมกันอยู่ในหลักร้อยแบบขึ้นไป และยังได้พาเด็กในศูนย์เข้าร่วมการแข่งขันในเวทีต่างๆ และมีโอกาสได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมการแข่งขันหุ่นยนต์โอลิมปิก (WRO: World Robot Olympiad) ที่ประเทศมาเลเซีย
 

 
 

 

โทร. 081-715-7914 , www.RoboMind.in.th

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/RoboMind.pbl