ภาพรวมตลาดโดนัทในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 3-4 พันล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10-15% เนื่องจากคนไทยยังนิยมรับประทานโดนัท พร้อมทั้งแต่ละค่ายก็ยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยการทำตลาดที่เข้มข้น เรียกได้ว่าเป็นอีกสมรภูมิที่แข่งขันรุนแรงในทุกด้าน และที่เป็นสีสันใหม่ๆ ในปีนี้ คงมาจากรูปแบบและรสชาติของโดนัทแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 

 

 

ในอดีตตลาดโดนัทในบ้านเรามีผู้เล่นรายหลักรายเดิมอยู่ 2 เจ้า คือ "ดันกิ้น โดนัท" ซึ่งเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังเป็นรายแรก ปัจจุบันมีสาขา อยู่ประมาณ 240 แห่ง ส่วนแบรนด์ "มิสเตอร์ โดนัท" ก็เข้ามาตีตลาดอย่างจังภายใต้การบริหารของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) โดยมีกลเม็ดเด็ดอย่างโดนัท "พอนเดอริง" ที่ทำให้หลาย คนหันมารับประทานโดนัทกันมากขึ้น ปัจจุบันมีสาขา 296 สาขาใน 73 จังหวัด นับเป็นเจ้าตลาดที่แข็งแกร่ง ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายการเติบโตที่ 13% พร้อมด้วยการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมิสเตอร์โดนัทระบุว่า มีส่วนแบ่งที่ 60% ของตลาด 

 

ขณะที่แบรนด์รุ่นใหม่สายพันธุ์ไทยที่มาแรงอย่าง "แดดดี้ โด" ซึ่งชูสูตรของแป้ง Zero Gram Trans Fat และช็อกโกแลตแท้ ล่าสุดมีการแตกแบรนด์ "เลมอน ฮับ" เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ต เพื่อก้าวสู่ความเป็นกลุ่มธุรกิจอาหาร (Food Company) โดยปัจจุบันแดดดี้ มีสาขาในช่วงครึ่งปีแรก 32 สาขา คาดว่าปีนี้จะมีเพิ่มเป็น 40 สาขา พร้อมด้วยการออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นโดนัทสายพันธุ์ไทยที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะ "ปีเตอร์ ทวีผลเจริญ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แด๊ดดี้ โด (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า หลังจากเริ่มขยายสาขาแล้วในอนาคตสัดส่วนสาขาของแดดดี้ โด จะอยู่ที่เมืองไทย 50% ต่างประเทศ 50% 

 

ส่วนผู้สร้างกระแสแห่งการจดจำอย่าง "คริสปี้ ครีม" ปัจจุบันเปิดตัวไปแล้ว 9 สาขา และยังคงวางเป้าหมายขยายสาขาให้ครบ 20 แห่งภายในปี 2557 
 

 

 

ปัจจุบันหน้าร้านของโดนัทแต่ละแบรนด์ต่างมีโชว์โปร-โมชั่น ลด แลก แจก แถม อย่างคึกคึก ลามไปถึงช่องทางออนไลน์ ดังจะสังเกตได้ว่าในเฟซบุ๊กของแต่ละค่าย มีแฟนเพจ นับหมื่นรายคอยติด ตามพร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมที่แต่ละแบรนด์จัดให้ แต่ที่โดดเด่นในตอนนี้ก็เห็นจะเป็นการฉลอง 3 ปีของแบรนด์ "คริสปี้ ครีม" ในเมืองไทย กับแคมเปญ "3rd Anniversary with James Jirayu" เมื่อซื้อโดนัท 1 โหล รับสติกเกอร์ 1 ดวง 100 ท่านแรกที่มียอดสะสมสูงสุด จะได้สิทธิ์ใกล้ชิดติดตัวกับ "เจมส์-จิรายุ" ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2556 

 

ฝั่งแดดดี้ โด มีโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับการซื้อโดนัทในราคาพิเศษ พร้อมด้วยการจับมือกับค่าย มือถือและผู้บริการสัญญาณ แจกฟรีโดนัทตามรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุไว้ บางแคมเปญก็ยิงยาวไปจนถึงตุลาคมเช่นกัน ส่วน "ดันกิ้น โดนัท" ก็มีการจัดชุดสินค้าราคาพิเศษ พร้อมด้วยการออกสินค้าใหม่ที่ให้ลูกค้าร่วมกันแชร์เพื่อรับโดนัทฟรี ขณะที่เจ้าตลาด "มิสเตอร์โดนัท" ก็มีการทำโปรโมชั่น กับค่ายมือถือเช่นกัน พร้อมด้วยแคมเปญ "ศึกประชันยอดนักกิน" ที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้เป็น อย่างดี
 

 

 

 

ที่ผ่านมาเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตาของสินค้า เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเรียกลูกค้า เนื่องจาก โดนัทเป็นของกินที่นิยมในหมู่เด็กวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ดังนั้น สีสันและรูปร่างแปลกตาจึงออกมาให้เห็นกันจนนับไม่ถ้วน 

 

สำหรับหน้าตาที่เข้าตากรรมการในปีนี้ ล้วนแปลกและแหวกแนว เริ่มจาก "แดดดี้ โด" ไม่นานมานี้มีการแนะนำ "Daddy Dough Go Heal thy" โดนัทหน้าธัญพืช ทั้งหน้างาดำ เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน นับเป็นไอเดียที่ได้ใจคนรักสุขภาพไปไม่น้อย 

 

ส่วนไอเดียที่ข้ามกฎเกณฑ์ของโดนัทแบบ "กลมๆ มีรู" มาจากฝั่งของผู้นำ "มิสเตอร์ โดนัท" ซึ่งได้แนะนำ "มิสเตอร์ โดนัท ซูชิโด ดีไลท์" เป็นโดนัทที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายซูชิแต่มีการสอดไส้ 10 รสชาติ ถือเป็นการเอาใจกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบสีสันและความแปลกใหม่ 
 

 
 

 

แต่ที่สะดุดตาใครต่อใครมากที่สุดในตอนนี้ คงเป็นกลเม็ดจากฝั่งเจ้าเก่า "ดันกิ้น โดนัท" คราวนี้ฉีกแนวด้วย "ชาร์โคล โดนัท" ประกาศตัวเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่นำชาร์โคลหรือผงถ่านจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมในแป้งโดนัท ประกอบด้วย 12 รสชาติ 

 

ที่น่าสนใจคือ "ชาร์โคล" ซึ่งเป็นถ่านสีดำนี้ ได้รับความสนใจในแวดวงสุขภาพและความงามมาแล้วระยะหนึ่ง ดังจะเห็นจากโฟมล้างหน้า หรือ ยาสีฟัน ส่วนในของกินก็มีให้เห็นในกลุ่มไอศกรีมมาแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะจับพลัดจับผลูมาอยู่บนโดนัท ซึ่งก่อนหน้าว่ากันด้วยสีสันสดใสล้วนๆ แต่วันนี้ดันกิ้ง โดนัท ออกโดนัทสีดำมาให้เห็นทำให้นึกถึง "Casper Berger" ของเจ้าของเพลินวานที่ทำเบอร์เกอร์แป้งดำจากดีปลาหมึกมาแล้ว 

 

โดนัท ชาร์โคล เป็นนวัตกรรมแป้งที่ออกมาสร้างความแปลกใหม่ดึงดูดความสนใจของลูกค้า ที่สำคัญคือ ความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง เพราะก่อนหน้านี้แม้การตกแต่งสีสันหน้าตาสดใส แต่ตัวเนื้อโดนัทส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่สีขาวครีม ทีมงานของดันกิ้ง โดนัทในเมืองไทยจึงคิดสูตรแป้งสีดำออกมาเสียเลย ซึ่งดูผ่านๆ ก็อาจจะคล้าย กับแป้งช็อกโกแลต แต่สีดำที่เข้มกว่าก็ทำให้เห็นความแตกต่าง โดยทางดันกิ้น โดนัท หวังยอดขายจากโดนัท ชาร์โคลถึง 60 ล้านบาทภายใน 3 เดือน
 

 

 

 

วิถีความเป็นคนเมืองกำลังขยายตัวไปในหลายพื้นที่ พร้อมการขยายตัวของค้าปลีกขนาดใหญ่ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงโดนัทได้ไม่อยากเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งแต่ละเจ้าก็มีกลยุทธ์ในการกระตุ้นตลาดรอบทิศ จึงคาดว่าตลาดโดนัทในปีนี้ จะยังคงเติบโต 10-15% แม้ต้นทุนการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นแต่เรื่องของราคาอาจจะปรับขยับกันได้ยาก เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง 

 

ฝั่ง "แดดดี้ โด" ซึ่งมีการขยายสาขาทั้งรูปแบบแฟรนไชส์และร้านของบริษัท ก็ยังเดินหน้าใช้จุดแข็งของสูตรแป้งที่ไม่เหมือนใครพัฒนาไปยังสินค้ากลุ่มอื่นๆ นอกจากโดนัท พร้อมด้วยการจับทัพด้วยการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ขึ้นในพอร์ต แต่อย่างไรก็ตาม "ปีเตอร์" ระบุว่า โปรโมชั่นจะเป็นสิ่ง ที่เห็นอยู่ในวงการโดนัท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องกระตุ้นให้เกิดการซื้อต่อครั้งเป็นจำนวนมาก
 

 

 

ด้าน "อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ" ประธานกรรมการ บริษัท เคดีเอ็น จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ แฟรนไชส์ "คริสปี้ ครีม" ในประเทศไทย ก็ยังเป็นอีกค่ายที่ยืนยันไม่ขึ้นราคาในปีนี้ แม้จะยังมีสาขาไม่มากนัก แต่ก็มีแผนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายสาขาในอนาคตด้วย 

 

นับเป็นสมรภูมิที่แข่งขันกันอย่างหนักหน่วงในทุกๆ ด้าน ซึ่งไม่ได้แข่งเพื่อดึงยอดขายหรือครองใจลูกค้าได้เพียงอย่างเดียว แต่โดนัทเป็นตลาดที่ไม่ง่ายนัก ดังจะเห็นว่ามีแบรนด์ที่ลดบทบาทหรือปิดตัวลงไปไม่น้อยในช่วง 2-3 ปีนี้

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ