ถือเป็นธรรมเนียมประจำทุกปีในช่วงเทศกาลปีใหม่ของ "ฐานเศรษฐกิจ" ที่จะคัดเลือกนักการตลาดที่มีผลงานโดดเด่นในรอบปีมะเส็ง  ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ฟันฝ่าอุปสรรค ในปีนี้ต้องยอมรับว่ามีนักการตลาดหลายท่านที่โดดเด่น  เข้าตา โดนใจทีมข่าวสายตลาด

แต่ที่สุด ฤทธิ์ คิ้วคชาฤทธิ์ คิ้วคชานักการตลาดแห่งปีที่ได้รับคัดเลือกปีนี้ ตกเป็นของ  "ฤทธิ์ คิ้วคชา"   กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชา บราเธอร์ส  จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ สฟรี, พาร์เฟริโอ, สฟรี เจอาร์, อัลดีส์ คอฟฟี่ไลท์ และเกียว โรล เอ็น และเกี๊ยวซ่า "เทราโอกะ" แบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา  

 

อีกบทบาท "ฤทธิ์"  ยังเป็นทายาทซาฟารีเวิลด์  ทำให้ต้องรั้งตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ควบคู่กันไปด้วย

ย้อนไปเมื่อปลายปี 2554 ชื่อของ "ฤทธิ์ คิ้วคชา" ถูกพูดถึงและเป็นที่จับตามองมากที่สุด จากเหตุการณ์น้ำท่วมซาฟารีเวิลด์อย่างหนักถึงขั้นวิกฤติ  ซึ่ง "ฤทธิ์" ก็นำทัพขับเคลื่อนพาธุรกิจครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี

 

แต่สำหรับในแวดวงธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ "ฤทธิ์" รัก และเลือกที่จะทำธุรกิจเอง โดยเป็นการลงทุนร่วมกันของพี่น้องใน "คิ้วคชา" ภายใต้ชื่อ บริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด โดยเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน จากร้านไอศกรีมและของหวานสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ  ภายใต้แบรนด์ "สฟรี"  ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเกินคาด ถูกต่อยอดขยายสู่ร้าน"พาร์เฟริโอ", สฟรี เจอาร์, อัลดีส์ คอฟฟี่ไลท์, เกียว โรล เอ็น  และล่าสุด  "เทราโอกะ"  แฟรนไชส์เกี๊ยวซ่า ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเปิดตลาดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และพร้อมรุกหนักในปีหน้า
 

"แนวคิดการทำธุรกิจของผมง่ายๆเลยคือจะเน้นความแตกต่างทางการตลาด โดยจะเน้นการสร้างแบรนด์ให้สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองระยะยาวเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้มองเรื่องของเป้าสาขาหรือยอดขายเป็นสิ่งสำคัญ เรียกว่ายอมได้กำไรน้อย

แต่รักษาคุณภาพและให้แบรนด์สามารถอยู่ในตลาดได้ระยะยาวเป็นเรื่องสำคัญกว่า ขณะที่กิจกรรมการตลาดมองว่าเมืองไทยส่วนใหญ่จะเน้นการจัดกิจกรรมการตลาดที่เน้นลด แลก แจก แถม ซึ่งตรงนี้ผมจะไม่ทำเด็ดขาด ยกเว้นจะมีการร่วมมือกับแบรนด์อื่นเพื่อทำการตลาดบ้างบางโอกาส" 
 

 

วิธีคิด  การสื่อสาร  การถ่ายทอด "ฤทธิ์"  บอกว่า มีไอดอลที่เป็นแบบอย่าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็น "คุณพ่อผิน คิ้วคชา"  นั่นเอง 

 

"คุณพ่อ"  บอกว่าจะทำตำรา 500 เล่ม เพื่อสอนลูกหลานถึงแนวทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น แบบอย่างที่เขาบอกว่าเนี่ยแหละคือต้นแบบที่ดีที่สุดที่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ พร้อมกับแนวคิดที่ตัวเองยึดถือในการทำงานคือ "Slow But Sure" คือการมุ่งสร้างความยั่งยืนให้แบรนด์ในระยะยาว

โดยไม่ยึดติดเรื่องโปรโมชัน และเป้าหมายของการขยายสาขาเพราะเรื่องนั้นเป็นแค่ตัวเลข แต่สิ่งที่พยายามเน้นมาตลอดคือ ความมั่นคงของสาขาที่จะเปิด การได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค ถึงเรียกว่าก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง เพราะทุกอย่างต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หยุดนิ่งก็เปรียบเสมือนการถอยหลัง

 

"ตำรา 500 เล่มของคุณพ่อ ทำเพื่อให้พวกเราได้เรียนรู้และคอยสอนซึ่งตอนนี้ก็มีราวๆ 200 เล่มแล้ว ซึ่งหากถามหาไอดอลจากผมแล้ว ไม่ได้มองไกลที่ไหน คงเป็นคุณพ่อที่ผมเห็นวิธีการทำงานของท่านมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นความละเอียด ประสบการณ์ ซึ่งไม่ว่าเราจะบริการร้านอาหารหรือสวนสัตว์

ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เรื่องของงานบริการที่หลังจากลูกค้าเดินออกจากร้านหรือซาฟารีเวิลด์แล้ว เขามีความสุขหรือเปล่า อยากกลับมาอีกมั้ย ตรงนี้คือโจทย์หลักที่เราต้องคอยดูและใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่เรื่องของห้องน้ำ ไปจนถึงลานจอดรถ หรือโต๊ะอาหาร  ซึ่งทุกวันนี้คุณพ่ออายุ 72 ปี ส่วนคุณแม่อายุ 60 ผมก็ยังเห็นท่านทั้ง 2 ทำงานครบ 7 วันเหมือนเดิมมาตลอด 40 - 50 ปี นั่นคือสิ่งที่ผมจะดำเนินรอยตามและสานต่อ"
 

แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตการทำงานของ "ฤทธิ์ คิ้วคชา" ที่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้เขาเริ่มต้นหน้าที่การงานด้วยหน้าที่การทำงานการเงิน ก่อนจะผันตัวเองมาช่วยธุรกิจของครอบครัวทั้ง ซาฟารีเวิลด์, ภูเก็ตแฟนตาซี และ บริษัท คชาบราเธอส์  ด้วยความรับผิดชอบที่มีอยู่ในตัว กับคำคมๆ ที่ว่า "ฝันของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าตอนเด็กอยากทำอะไร แต่วันนี้ผมมีหน้าที่รับผิดชอบ ผมรักในงานที่ทำ สนุกกับมัน แค่นั้นก็มีความสุขมากแล้ว"

 

พร้อมกันนี้เขายังบอกอีกว่า อนาคตอยากเห็นตลาดเมืองไทยแข่งขันที่คุณภาพของสินค้า เหมือนในต่างประเทศ มากกว่าเน้นเรื่องของการจัดโปรโมชัน เพราะเขาเชื่อว่า หากสินค้าดีมีคุณภาพก็จะสามารถอยู่ในตลาดได้นาน โดยไม่ต้องอาศัยกิจกรรมการตลาดมาคอยกระตุ้น ซึ่งจะบูมเป็นพักๆก่อนจะหายไปตามกระแสและกาลเวลา.....หากสินค้าชิ้นนั้นๆไม่มีคุณภาพจริงๆ