ความหลากหลายที่เป็นจุดขายของร้าน "ที สตอรี่" ครอบคลุมทั้งประเภทของเครื่องดื่ม มีทั้งชานม ชาไม่นม เครื่องดื่มผสมโซดา เมนูสมูตตี้ ท็อปปิ้งมีหลายชนิด เช่น ไข่มุกขาว อะโลเวรา ส่วนนมก็เพิ่มเมนูนมไขมันต่ำสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม อีกทั้งระดับความหวานของเครื่องดื่ม นอกจากสูตรความหวานมาตรฐานแล้วยังเปิดกว้างให้ลูกค้าเลือกระดับความหวานได้ด้วย

 

"ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ต่างประเทศ สังเกตเห็นกระแสธุรกิจเครื่องดื่มมาได้พักใหญ่ๆ แล้ว เครื่องดื่มเป็นสินค้าที่ขายอยู่ได้เรื่อยๆ แต่ต้องปรับให้เข้ากับกระแสการตลาด ยกตัวอย่าง ร้านชานม ถ้ามีเพียงเมนูเดียวให้เลือกก็เสี่ยงเอาท์ได้ง่าย ฉะนั้น ร้านเครื่องดื่มจึงต้องมีเมนูหลากหลายชนิดตอบสนองผู้บริโภคได้ และสิ่งสำคัญคือ จะต้องขานรับเทรนด์รักสุขภาพอีกด้วย" อรรถพล จงมีรัก เจ้า ของแบรนด์ ที สตอรี่ กล่าวถึงแนวคิดที่จะทำให้ธุรกิจร้านเครื่องดื่มชาอยู่รอด
 

 
 

เขายังให้ความสำคัญในเรื่องรสชาติของเครื่องดื่ม โดยใช้วิธีลองผิดลองถูกแล้วให้คนรอบข้างทดลองดื่ม จากนั้นนำคำติชมมาปรับปรุงได้เป็นเครื่องดื่มที่เข้าร่วมรายการโปรโมชั่น ซึ่งถือ เป็นช่วงทดลองตลาด หากผลตอบรับออกมาดีจึงจะบรรจุเข้าในเมนู

 

"ช่วง 1 ปีก่อนที่จะเปิดร้าน ผมกับพี่สาวช่วยกันคิดสูตรเครื่องดื่ม อย่างชานมไข่มุก จะต้องทดลองหาดูว่าชาชนิดไหนที่รสชาติเข้ากับนม ต้องปรุงและชิมทั้ง ชาข้าว ชาอู่หลง ชาจีน ชาฝรั่ง ฉะนั้น ทุกอย่างไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องมีการพิสูจน์ทดลองก่อนออกสู่ตลาด เราต้องมั่นใจจริงๆ ว่า เมนูนั้นๆ ถูกปากคนไทย"

 

อรรถพลเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์และทุนยืมจากครอบครัว แต่ปัจจุบันร้านที สตอรี่เปิดถึง 4 สาขาในย่านชุมชนที่อรรถพลดูแลและใส่ใจอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งทำการสำรวจเชิงวิจัยเก็บข้อมูล พฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มชาของลูกค้า ยกตัวอย่าง เมนูที่เน้นโชว์รูปสินค้าแทนตัวหนังสือ และแนวทางการทำโปรโมชั่น ก็ได้มาจากการเก็บข้อมูลความต้องการของลูกค้า
 

 
 

"ผมเริ่มธุรกิจมาจากที่ไม่รู้อะไรเลย แม้จะเรียนทางด้านการตลาด แต่ช่วงที่เรียนก็เรียนแค่ให้จบ ไม่เข้าใจถึงเนื้อหาที่เรียนว่าทำไมต้องวิเคราะห์องค์ประกอบทางการตลาด ทำไมต้อง ไฟแนนซ์ แต่เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจก็ต้องกลับรื้อฟื้นความรู้ ผมเริ่มทำรายงานเสมือนเป็นไกด์ไลน์ทางธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์จริง"