นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ร้านอาหารขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ได้ปรับแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจแฟรนไชส์ โดยมุ่งหาพันธมิตรกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม พม่า กัมพูชา ทดแทนแผนขยายธุรกิจในประเทศ ภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองทำให้เอสเอ็มอีชาวไทยชะลอการตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์ เนื่องจากไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ
 

 
 

ทั้งนี้ แบรนด์แฟรนไชส์ที่เตรียมขยายธุรกิจในประเทศกลุ่มอาเซียนมากขึ้น ได้แก่ โชคดีติ่มซำ แบล็คแคนยอน เชสเตอร์ กริลล์ คิมจู และฮ่องกงนู้ดเดิ้ล เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขยายธุรกิจออกต่างประเทศเร็วกว่ากำหนดอย่างน้อย 2-3 ปี เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น

 

“ผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนัก คนไทยที่เตรียมลงทุนต่างชะลอแผน บางรายเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้อัตราการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารแบรนด์ไทยลดลงกว่า 10% โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล”นางฐนิวรรณ กล่าว
 

 
 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารได้ปรับกลยุทธ์การขาย โดยจัดรายการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม เพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าในทุกเทศกาล เช่น ลดราคาค่าห้องคาราโอเกะ และอาหารช่วงวันธรรมดา จับฉลากแลกของขวัญ วันวาเลนไทน์ เป็นต้น

 

นางฐนิวรรณ กล่าวว่า แนวโน้มการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารในอนาคตจะมีขนาดเล็กลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมุ่งเจาะตลาดกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์มากกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เหมือนที่ผ่านมา
 

 
 

นายธีรภพ ศิรประภาธรรม ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท โชคดี เรสเตอร์รองค์ เจ้าของแฟรนไชส์โชคดี ติ่มซำ กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายตลาดแฟรนไชส์ออกไปยังประเทศอาเซียนจากใกล้ไปไกล โดยเริ่มจากเปิดสาขาแรกที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อกลางปี 2556 ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าอย่างดี ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากติ่มซำเป็นอาหารที่คนพม่ารู้จักดี และทางร้านได้เพิ่มเครื่องปรุงรส รวมถึงเพิ่มเมนูที่ชาวพม่าชื่นชอบเข้าไปเสริมจึงถูกใจลูกค้า

อ้างอิงจาก  โพสต์ทูเดย์