ดาวเด่นแฟรนไชส์    รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย มุ่งรักษาคุณภาพ ฮิตนานไม่ตกเทรนด์!
7.0K
3 มิถุนายน 2557
รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย มุ่งรักษาคุณภาพ ฮิตนานไม่ตกเทรนด์!


 
 
ขนิษฐา ทัดกลาง
 
ความนิยมในแฟรนไชส์กาแฟถุงกระดาษที่กำลังฮิตระบาด มีแบรนด์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทุกหัวมุมถนนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จนนำมาสู่คำถามว่าธุรกิจนี้ "จะเป็นแค่กระแส หรืออยู่ได้นานอย่างยั่งยืน" สำหรับผู้อยู่ในธุรกิจนี้ตั้งแต่ยุคต้นๆ อย่างแบรนด์ "รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย" ได้มาแสดงทัศนะ พร้อมระบุถึงสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน ไม่ล้มหายตายจากไปตามกระแสนิยมชั่วข้ามคืน
      
เจ้าของแบรนด์รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย คือ “ขนิษฐา ทัดกลาง” เล่าถึงประวัติการทำงานของตนเองว่า เดิมทีนั้นอยู่ในแวดวงธุรกิจการ์เม้นท์ และทำธุรกิจกาแฟโบราณเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น แต่ต่อมาเกิดปัญหาขึ้นเมื่อรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท จึงต้องหยุดทำธุรกิจการ์เม้นท์ไปในที่สุด
      
“ช่วงแรกๆเราทำคู่กันมา ทั้งธุรกิจการ์เม้นท์และกาแฟโบราณ แต่ตอนหลังพอค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไปวันละ 300 บาท ทำให้ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงเพิ่ม แต่ค่าจ้างที่เราได้รับมันเท่าเดิม กลายเป็นภาระ ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆวันหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นติดลบ ก็เลยต้องหยุด และพอดีกับที่ว่า ตัวธุรกิจกาแฟที่เราทำมันไปได้สวย มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจยุบธุรกิจการ์เม้นท์แล้วมาทำในส่วนของกาแฟเต็มตัวที่มองธุรกิจกาแฟ เพราะเป็นสิ่งที่ขายง่าย คนไทยชอบกินน้ำชง ตื่นเช้ามาก็ซื้อกาแฟเย็น โอวัลตินเย็น บางคนกินแทนข้าวเช้าทุกวัน ยังไงก็ต้องกิน หรือเวลาเราเหนื่อยๆ ร้อนๆ อยากจะกินอะไรที่ชื่นใจก็ต้องน้ำแดงโซดา เขียวโซดา อะไรก็ได้ขอให้เป็นน้ำชง" ขนิษฐา เล่าจุดเริ่มต้น

ส่วนที่มาของการนำถุงกระดาษมาใช้นั้น ไอเดียมาจากการที่เราไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี แล้วเราไปเจอกาแฟใส่ถุงกระดาษขายอยู่ แต่เขายังไม่ได้ทำมาร์เก็ตติ้งอะไรเลย ยังไม่มีการปั๊มชื่อแบรนด์บนถุง เป็นถุงกระดาษธรรมดาๆ ซึ่งเนื้อถุงก็บางๆทั่วไป
      
"สาเหตุที่เขาเอาถุงกระดาษมาใช้ก็เพราะว่ามันช่วยชะลอความเย็นของน้ำแข็งในถุงได้ อย่างเวลาเราไปทานขนมหวานบางร้าน ถ้าสั่งกลับบ้านจะเห็นว่าเขาเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อถุงขนมไว้อีกที ก็เพราะกระดาษหนังสือพิมพ์มันเก็บความเย็นได้ หลักการเดียวกันเลย พอเห็นแล้วเกิดไอเดียที่จะนำมาต่อยอด โดยการนำถุงกระดาษมาใช้เป็นแพ็คเกจเหมือนกับเขา แต่ของเราต้องมีคุณสมบัติที่ดีกว่า คือ เนื้อกระดาษต้องหนาเก็บความเย็นใน 6-8 ชั่วโมงถ้าอยู่ในห้องแอร์ และ 4 ชั่วโมงถ้าอยู่นอกห้องแอร์

 
      
และต้องมีการสร้างแบรนด์ เราจะไม่ทำธุรกิจแบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน ที่จริงแล้วชื่อแบรนด์ คือ รสโบราณ เพราะต้องการสื่อถึงตัวธุรกิจว่าเป็นน้ำชงแบบโบราณทั้งหมด ส่วนคำว่ากาแฟเว้ยเฮ้ย เป็นแค่คำพูดที่ติดหู จึงพิมพ์ใส่เข้าไปบนชื่อถุงด้วย กลายเป็นรสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย" เขา เผย

ทั้งนี้ สิ่งที่ยากที่สุด คือ สูตรกาแฟ และน้ำชงต่างๆ เพราะเราไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อน เคยแต่เป็นคนกิน ต้องใช้เวลาในการศึกษาอยู่ 1 ปีเต็ม ด้วยการตระเวนชิมตามร้านกาแฟต่างๆ ร้านไหนจังหวัดไหนดังไปชิมมาหมด จนมาลงตัวที่เมล็ดกาแฟจากทางภาคเหนือ และภาคใต้ จากนั้นก็เขียนเป็นเมนูน้ำชงสูตรต่างๆออกมา
      
วันที่รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ คือ 2 สิงหาคม 2555 ใช้เงินลงทุนไปทั้งสิ้น 200,000 บาท ในส่วนของวัตถุดิบ อุปกรณ์ในการขายต่างๆ รวมถึงคีออสที่เป็นรถตู้เคลื่อนที่ได้
      
ส่วนทำเลในการขาย ก็คือ หน้าโรงเบียร์ฮอลแลนด์ พระราม 2 ที่ขนิษฐามองว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ มีที่จอดรถ และใกล้กับตลาดนัดอีกด้วย
      
“ตอนนั้นในบริเวณนี้ไม่มีกาแฟถุงกระดาษขายเลย ที่เราเคยเห็นก็จะมีแถวชานเมืองอย่างอ้อมน้อย จึงคิดว่าเป็นทำเลที่เหมาะ เพราะเราเองก็เป็นคนแถวนี้ด้วย ซึ่งเราเป็นเจ้าแรกๆที่นำกาแฟถุงกระดาษเข้ามาขายในเมือง จากที่แต่ก่อนจะเห็นอยู่ตามต่างจังหวัดหรือแถบชานเมือง

สำหรับยอดขายในเดือนแรก ขายได้เฉลี่ยวันละ 150 ถุง ก็นับว่าพอใจ และยอดขายก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ขายได้วันละ 1,500 ถุง เป็นสาขาที่ขายดีที่สุด โดยช่วงแรกเราใช้วิธีชงแก้วต่อแก้ว แต่พอลูกค้ามากขึ้นก็ผลิตไม่ทัน ต้องเปลี่ยนแผน โดยการชงสำเร็จเอาไว้เลย แล้วใส่ถังพลาสติกสำหรับตักขายให้ลูกค้า ซึ่งในแต่ละวันจะต้องเตรียมวัตถุดิบไว้ 2 ชุด ถึงจะพอขาย

 
      
ขายไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์เยอะมาก ที่จริงเราไม่ได้ตั้งใจจะขายแฟรนไชส์ตั้งแต่ต้น แต่พอมีคนติดต่อเข้ามาเยอะๆ บอกว่าให้เราช่วยสร้างรายได้ให้หน่อย เขาเห็นแล้วว่าธุรกิจตัวนี้มันไปได้ดีแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ เหมือนเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ช่วยให้คนได้มีอาชีพ เราจะคิดค่าแฟรนไชส์ 20,000 บาท

โดยคุณจะต้องมาเรียนสูตรน้ำชงกับเราเป็นเวลา 2 อาทิตย์ เพราะอยากให้คนที่ซื้อไปเขาได้ความรู้ และมีความเข้าใจจริงๆ ก่อนที่จะไปทำขาย นอกจากสูตรแล้วก็จะมีวัตถุดิบที่แถมไปให้ แต่หลักๆแล้วจะเน้นไปที่เรื่องการสอนมากกว่า เพราะถ้าลูกค้าซื้อแฟรนไชส์ไปทำแล้วรสชาติไม่ได้มาตรฐาน นอกจากมันจะมีผลกระทบกับสาขาของเขาเองแล้ว คือ ขายของไม่ได้ ยังอาจกระทบมาถึงสาขาแม่ด้วย
      
คนที่ซื้อแฟรนไชส์ไป จะต้องกลับมาซื้อวัตถุดิบบางอย่างทุกเดือนอยู่แล้ว อย่างเช่น เมล็ดกาแฟ ใบชา ที่มันเป็นสูตรเฉพาะ ไม่สามารถหาซื้อเองจากข้างนอกได้ ไม่เช่นนั้นรสชาติอาจจะเพี้ยน ควบคุมคุณภาพไม่ได้ ปัจจุบันนี้มีอยู่กว่า 20 เมนู ขายราคาถุงละ 25 บาท” " เจ้าของธุรกิจ กล่าวและอธิบายต่อว่า

“ตอนนี้กระแสกาแฟถุงกระดาษมันมาแรงมาก เราก็คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีส่วนช่วยขยายตลาดโดยเฉพาะในเมือง แต่ทั้งนี้จุดขายจริงๆของธุรกิจนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของรสชาติ ถุงกระดาษอาจจะแค่ดึงดูดให้รู้สึกสนใจ แต่รสชาติจะเป็นตัวช่วยให้รักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้ คุณภาพต้องมาเป็นดันดับหนึ่ง"
      
จุดพีคจริงๆ ที่ทำให้รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น คือ การที่ได้ไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ตอนนั้นเราขายแฟรนไชส์ไปแล้วทั่วกรุงเทพฯ มีประมาณ 90 สาขาได้ เราไม่ได้เป็นคนไปออกรายการเอง แต่ให้สาขา 7 ประตูน้ำเป็นตัวแทนไป คือ เราเปิดโอกาสให้กับทุกสาขา ถ้ารายการติดต่อเข้าไปก็ไปออกได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาแม่ เพราะเรามั่นใจว่าทุกสาขามีมาตรฐานเหมือนกันหมด

 หลังจากที่ได้ออกรายการดังกล่าว ก็เริ่มมีรายการอื่นติดต่อเข้ามา ซึ่งรายการพวกนี้สาขาแม่เป็นคนไปเอง ก็ยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และมีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์อยู่ตลอด มีทั้งคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม บางคนขายน้ำชงอยู่แล้วแต่ยอดขายไม่ดี ก็เลยมาซื้อแฟรนไชส์เรา
      
ปัจจุบันนี้ขายแฟรนไชส์ไปแล้วกว่า 200 สาขา จากนี้ไปจะไม่ขยายสาขาเพิ่มแล้ว จะคงไว้แค่นี้ ถ้าสาขาไหนไม่ได้มาตรฐานเราคัดออก แล้วเอาน้องใหม่เข้ามาแทนโดยไม่มีการขายแฟรนไชส์เพิ่มแล้ว
      
"ถ้ามีมากกว่านี้เราจะไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ทั่วถึง ซึ่งเราจะมีการสุ่มตรวจอยู่ตลอดเวลา บางทีเราก็ไปเอง บางทีเราก็ส่งคนไปสุ่มตรวจ เพราะถ้าเกิดสูตรคุณเพี้ยน ก็ต้องมาเช็คแล้วว่าคุณใช้วัตถุดิบเพี้ยนหรือว่าคุณชงเพี้ยน เราไม่ได้จี้จุดว่าคุณผิดในทันที แต่จะหาข้อมูลก่อนว่ามันผิดเพราะอะไร ถ้าคุณผิดจริงก็จะโดนใบเตือนให้ปรับปรุง ถ้าโดนใบเตือน 3 ครั้งเราจะถอดสัญญาทันที

      
อีกทั้งไม่อยากให้ไปเปิดขายใกล้กันเกินไป กลายเป็นคนในครอบครัวมาแข่งกันเอง มาฆ่ากันเอง เป้าหมายของเรา ก็คือ จะทำให้ทั้ง 200 สาขาอยู่ในตลาดได้ครบ 2 ปี ไม่ล้มหายตายจากไป และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเราไม่ขยายสาขาที่ลงทุนด้วยตัวเอง เพราะเราต้องการวางตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ เวลาใครมีปัญหาอะไรก็วิ่งเข้ามาปรึกษาได้ ไม่อยากไปตั้งเองหลายสาขาแข่งกับลูกค้าของตัวเอง การที่คุณมาซื้อฟรนไชส์กับเรา ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะดูแลกันไป”
      
จุดเด่นอีกอย่างของรสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย คือ การทำโปรชั่น ครบ 10 ถุง ได้กินฟรี 1 ถุง โดยการตัดมุมถุงกระดาษเก็บไว้ วิธีนี้ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าขาประจำกลับมาซื้อกินกันอยู่ตลอด

“ตอนนี้กระแสกาแฟถุงกระดาษมันมาแรงมาก เราก็คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีส่วนช่วยขยายตลาดโดยเฉพาะในเมือง แต่ทั้งนี้จุดขายจริงๆของธุรกิจนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของรสชาติ ถุงกระดาษอาจจะแค่ดึงดูดให้รู้สึกสนใจ แต่รสชาติจะเป็นตัวช่วยให้รักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้ คุณภาพต้องมาเป็นดันดับหนึ่ง
      
ตอนนี้มีแบรนด์กาแฟถุงกระดาษเกิดขึ้นเยอะมาก เราไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่ง แต่เราแข่งกับตัวเอง ต้องรักษามาตรฐานของตัวเอง เราเคยโดนคู่แข่งโจมตี โดยใช้จุดขายว่าเขาชงสดแก้วต่อแก้ว ส่วนของเราไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะถึงจะไม่ได้ชงแก้วต่อแก้ว แต่มาตรฐานของรสชาติก็เสมอกันทุกแก้ว
      
การมีคู่แข่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดมันโตได้เร็วแล้ว ยังช่วยผลักดันให้เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเอง ล่าสุดสาขาแม่ได้ทดลองทำขนมปังปิ้งขาย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสาขาลูก และมองว่ามันเข้ากันได้ดีในการกินคู่กับน้ำชง ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองตลาดอยู่ คงต้องใช้เวลาสักครึ่งปีกว่าจะทำได้” ขนิษฐา ตบท้าย  รสโบราณ กาแฟเว้ยเฮ้ย นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตา ว่าจะสามารถต่อยอดไปได้อีกไกลแค่ไหนในอนาคต

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
157,522
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,645
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,650
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,807
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,558
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
55,082
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด