ดาวเด่นแฟรนไชส์  เปิดตำนานแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ รายแรกของประเทศ กับ สิ... |
|
|
19 เมษายน 2559 |
เปิดตำนานแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ รายแรกของประเทศ กับ สิทธิพร สุวรรณสุต ใครก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข่าวคราวที่สร้างความฮือฮาในวงการธุรกิจแฟรนไชส์ นั่นคือ การประกาศเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านรายแรกของประเทศ ของบริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม “ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ “ จากการประกาศเปิดตัวในครั้งนี้สร้างความกังขาให้กับผู้ประกอบการทั้งในและนอกวงการเป็นอย่างมากว่า “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” จะสามารถเติบโตโดยใช้หลักการบริหารในรูปแบบแฟรนไชส์ได้อย่างไร
ย้อนเวลาไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน ในแวดวงรับสร้างบ้านผู้ที่จะดำเนินการประกอบธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่าจะต้องมีความรู้และประสบการณ์เท่านั้นที่จะบริหารและสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้ กอปรกับผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” เท่าใดนัก เพราะเมื่อเอ่ยถึงการก่อสร้างบ้านมักจะนึกถึง “ผู้รับเหมา” เป็นส่วนใหญ่ และยังไม่เชื่อมั่นกับคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานของผู้รับเหมาเท่าที่ควร
จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีข่าวคราวฮือฮาเกี่ยวกับแวดวงรับสร้างบ้านขนานใหญ่ เมื่อ “สิทธิพร” ประกาศเปิดตัว “ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์” ที่ใช้ระบบการบริหารงานในรูปแบบแฟรนไชส์ และนี่กลายเป็น “ประเด็น” ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ และต่างจับตามองชนิดที่เรียกว่า “ไม่ให้คลาดสายตา” กันเลยทีเดียว
ทีมงานมุสลิมไทยโพสต์ได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับแนวคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ของผู้บริหารท่านนี้ที่กล้าแหวกกระแสแนวคิดโดยใช้ประโยคหนึ่งที่ว่า “ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจรับสร้างบ้านได้”
“ในอดีตที่ผ่านมาธุรกิจรับสร้างบ้านมักจะกระจุกตัวอยู่แต่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร ต่อมาได้มีการขยับขยายเปิดสาขาในภูมิภาคในปี 2546 ในช่วง 3 ปีสุดท้ายก่อนจะเปิดแฟรนไชส์เราเปิดสาขาได้ 3 สาขา ทำให้เรามองว่าการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์จะทำให้เราสามารถขยายสาขาต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราจึงทำการศึกษาระบบแฟรนไชส์อย่างจริงจังโดยใช้เวลา 1 ปี และเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา”
สร้างเจ้าของกิจการ ผ่านแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน
จุดเด่นของระบบแฟรนไชน์รับสร้างบ้าน คือ ผู้ที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์การก่อสร้างก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ โดยเปิดโอกาสให้บุคลทั่วไปที่มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน และ “ใจ” บวกกับ “ความมุ่งมั่น” ที่จะเป็นเจ้าของกิจการและพร้อมที่จะดูแลบริหารองค์กรให้มีการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ระบบแฟรนไชส์ ยังเป็นระบบการจัดการที่ถูกทำขึ้นอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน โดยนำเอานวัตกรรมในเรื่องกระบวนการจัดการที่ทันสมัยวางอยู่ในระบบแผนงานอย่างลงตัว และ “สิทธิพร” เองก็ได้มีการวางแนวทางการบริหารไว้อย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่ การวางคอนเซ็ปต์ตกแต่งสำนักงาน การจัดการอบรมกระบวนการบริหารสำหรับการจัดการในแต่ละสาขา ฯลฯ ทุกอย่างต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
แม้แฟรนไชส์รับสร้างบ้านจะใช้เงินลงทุนมากสักหน่อย คือ 3 ล้านบาท แต่ทั้งหมดจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบการทำงานเพื่อการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตทั้งสิ้น และหลายคนมองว่าอาจจะมากเสียหน่อยเมื่อเทียบกับระบบแฟรนไชส์อื่น แต่เมื่อคิดถึงเม็ดเงินที่จะได้รับกลับมาที่สามารถคืนทุนได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี พร้อมการเติบโตแบบยั่งยืนก็นับว่าคุ้มค่านัก
“นอกจากเราจะเปิดกว้างรับบุคคลทั่วไปที่สนใจจะเป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว เรายังเปิดโอกาสให้เหล่าพนักงานได้มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมด้วยเช่นกัน โดยเราจะให้สิทธิ์ในการลงทุน สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราอีกประการหนึ่ง คือ เราสร้างระบบเทรนนิ่งที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ระยะเวลาในการอบรมทั้งสิ้น 45 วัน พร้อมทั้งจัดทีมงานพี่เลี้ยงคอยเป็นที่ปรึกษาอีกด้วย สิ่งสำคัญที่สุด คือ การคัดเลือกผู้ประกอบการรับสร้างบ้านให้เข้าสู่ระบบ แต่ปัญหาที่พบ คือ ผู้ประกอบการไม่มีเงินทุนและประสบการณ์”
พีดีเฮ้าส์ กับ บ้านอนุรักษ์พลังงาน
ปัจจุบัน ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีจุดยืนในเรื่อง การสร้าง “บ้านอนุรักษ์พลังงาน” โดยวัสดุก่อสร้างที่ใช้ล้วนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น การันตีได้จากรางวัลบ้านประหยัดพลังงานหลายรางวัลติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง รางวัลบ้านอนุรักษ์พลังงานประจำปี 2552 และ ปี 2554 ประเภทดี และประเภทดีมาก จำนวน 21 รางวัล โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ดังนั้น ในส่วนของการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน พีดีเฮ้าส์ จึงค่อนข้างมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี
จากแนวคิดการสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงานนี่เอง จึงเป็นที่มาของ “ต้นทุน” ที่แน่นอนว่าจะต้องส่งผลต่อราคาค่าก่อสร้างบ้านอย่างแน่นอน ซึ่ง “สิทธิพร” มองว่าช่วงแรกอาจจะดูราคาสูงมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบในระยะยาวจะเห็นว่า การสร้างบ้านประหยัดพลังงานสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
“ปัจจุบันจะเห็นว่ามีกลุ่มผู้บริโภคเข้าใจและเห็นคุณค่าการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มมากขึ้น กอปรกับการเกิดภัยธรรมชาติที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ทำให้คนในยุคสมัยนี้เริ่มตระหนักและเห็นคุณค่าของการรักษ์โลก จนกลายเป็นเทรนใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ซึ่งทางพีดีเฮ้าส์ได้ตั้งใจที่จะผลิตบ้านในลักษณะนี้มาตั้งแต่ต้น”
รุกตลาดรับสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 2.5 ล้าน
หลังจากที่ได้ผลักดันแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนทั่วไปแล้ว ทำให้ “สิทธิพร” เห็นว่าตลาดรับสร้างบ้านระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทยังคงมีความต้องการในตลาดค่อนข้างสูง ดังนั้น เขาจึงได้ประกาศเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านน้องใหม่ “เอคิวโฮม” เน้นเจาะลูกค้าโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยมีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์รับสร้างบ้านเอคิวโฮมที่สาขานครปฐมเป็นสาขานำร่อง และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาในปีแรกทั้งหมด 3 สาขา และตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 90 ล้านบาท
ในส่วนเทรนแบบบ้าน “สิทธิพร” ชี้เทรนแบบบ้านในปีนี้จะออกแนวโมเดิร์นสไตล์และสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ดังนั้น จึงได้ออกแบบตัวบ้านที่ยกพื้นสูง โดยประเดิมเปิดตัวแล้วในขณะ 2 แบบ ได้แก่ F-211, F-212 โดยจะยกพื้นชั้นล่างให้สูงขึ้นประมาณ 120-150 เซนติเมตร
“สำหรับผู้ที่ตัดสินใจจองแบบบ้านดังกล่าวในช่วงนี้จะได้รับส่วนลดพิเศษเหลือเพียง 3.5 ล้านบาท และ 5.3 ล้านบาท อีกทั้งเราได้ออกแคมเปญ “ฟรี ยกพื้นสูง” และ “แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน” สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจสร้างบ้านตามแบบบ้านมาตรฐานที่มีให้เลือกเกือบ 200 แบบ โดยแคมเปญจะสิ้นสุดแค่เฉพาะ 50 หลังแรกเท่านั้น คาดว่าจะสามารถทำยอดขายในช่วงไตรมาสแรกประมาณ 300 ล้านบาท”
ทั้งหมดจึงเป็นบทพิสูจน์กิจแห่งความท้าทายของผู้บริหารที่กล้าแหวกแนวคิดนาม สิทธิพร สุวรรณสุต คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เขาจะมีแนวคิดอะไรที่จะสร้างกระแสให้วงการเกิดการตื่นตัวในเรื่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้จะเปิดเสรีทางการค้าในปี 2558 เชื่อได้เลยว่าผู้ชายคนนี้จะไม่หยุดการพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้านไว้เพียงเท่านี้แน่
อ้างอิงจาก news.muslimthaipost.com
|
|
|
|
|
|
|
|
157,519
