|
|
16 กันยายน 2558 |
ไอชิ ไทยากิ ครัวซองต์รูปปลา ฝีมือไทยราคาเบา
ครัวซองต์รูปปลา แบรนด์ “ไอชิ ไทยากิ”
กระแสความฮอตฮิตของขนมครัวซองต์รูปปลาจากประเทศญี่ปุ่น จนเป็นที่มาของภาพการต่อคิวซื้อย๊าว...ยาว กระจายในโลกสังคมออนไลน์ จนทำให้หลายต่อหลายคนอยากลิ้มลองขนมชนิดนี้บ้าง
เมื่อเห็นโอกาสดังกล่าว “อมรศรี โอวะกุลวงศ์” ไม่ปล่อยผ่าน คว้าโอกาสสร้างแบรนด์ตัวเอง “ไอชิ ไทยากิ” (Aishi Taiyaki) นำเสนอจุดขายคุณภาพดีเหมือนต้นตำรับ ในขณะที่ระดับราคาไม่สูงจนเกินไป ตอบความต้องการของลูกค้าชาวไทยซื้อหาได้ง่ายๆ
อมรศรี เล่าที่มาของธุรกิจให้ฟังว่า เนื่องจากทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ “ไอชิ” (Aishi) อยู่แล้วที่เอเชียทีค ทำให้มีพื้นฐานความรู้ด้านการทำอาหารญี่ปุ่นชนิดต่างๆ รวมถึงเชฟของร้านยังเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วย ดังนั้น ในเรื่องการประกอบอาหารญี่ปุ่นชนิดต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก
กระทั่งเกิดกระแสนิยมขนมครัวซองต์รูปปลาอย่างยิ่งในเมืองไทย สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกขัดอกขัดใจอย่างยิ่ง คือ ราคาที่ขายอยู่ในท้องตลาด เฉลี่ยประมาณชิ้นละ 70 บาท ในฐานะที่อยู่ในวงการอาหารญี่ปุ่นรู้ดีกว่า ราคาดังกล่าว บวกเพิ่มจากต้นทุนแล้ว ยังขายได้กำไรถึง 3 เท่าตัว เลยเป็นที่มาของแนวคิด อยากจะทำขนมยอดฮิตชนิดนี้บ้าง แต่ขายในราคาที่ถูกลงมา เพื่อให้คนทั่วไปได้ซื้อกิน สบายกระเป๋ายิ่งขึ้น
“เนื่องจากเราอยู่ในธุรกิจอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว เรื่องวิธีการทำขนมไทยากิจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยวัตถุดิบที่ใช้เป็นเหมือนต้นตำรับ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ นำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่ด้านรสชาติปรับให้เหมาะสมกับคนไทยมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นลดความหวานจากต้นตำรับลง เพราะคนไทยไม่นิยมกินหวานมาก” อมรศรี เผย
แบรนด์ “ไอชิ ไทยากิ” เปิดตัวเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมานี่เอง มีร้านอยู่ที่ Gateway เอกมัย โดยมีให้เหลือ 4 ไส้ ได้แก่ ชาเขียว , เผือก , ถั่วแดง และคัสตาร์ด ราคาขายปลีกอยู่ที่ชิ้นละ 40-55 บาท (แล้วแต่ไส้) โดยราคานี้หักต้นทุนทุกด้านแล้ว ยังเหลือกำไรกว่า 50%
“หลังจากเปิดตัวได้ประมาณ 2 เดือน เฉลี่ยยอดขายของเราประมาณวันละ 60 ชิ้นหรือ 3,000 กว่าบาท ซึ่งถือเป็นผลตอบรับจากลูกค้าอยู่ในระดับที่ดีมาก เพราะได้กระแสที่ลูกค้าอยากทดลองชิมขนมนี้อยู่แล้ว” เจ้าของธุรกิจ ระบุ
จากผลตอบรับดีดังกล่าว เธอระบุด้วยว่า เตรียมจะขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม โดยเวลานี้ได้รับความสนใจจากห้างโมเดิร์นเทรดชื่อดังเสนอพื้นที่ให้ไปวางขาย คาดจะเริ่มได้เร็วๆ นี้ ภายในปีนี้ (2558) ตั้งใจว่าจะมีประมาณ 5 สาขาที่ขยายด้วยตัวเอง
นอกจากนั้น อีกแนวทางหนึ่งในการขยายธุรกิจ คือ เปิดรับผู้สนใจมาเป็นเครือข่ายแฟรนไชส์ โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 199,900 บาท ได้รับคีออส ขนาด 2x2.5 เมตร พร้อมอุปกรณ์และวัตถุดิบเริ่มอาชีพ เช่น เตาไทยากิ แป้งครัวซองสำหรับทำ 100 ชิ้น ไส้ต่างๆ จำนวน 4 กิโลกรัม ป้าย และกล่องใส่ เป็นต้น
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขสำคัญต้องรับวัตถุดิบ “แป้ง” กับ “ไส้” จากส่วนกลาง โดยต้องสั่งขั้นต่ำครั้งละ 500 ชุด (ในแต่ละชุดจะประกอบด้วยแป้งครัวซองต์ 2 แผ่น กับไส้ สำหรับทำขนมไทยากิ 1 ชิ้น) โดยราคาต้นทุนที่ส่งเฉลี่ยชุดละ 20 บาท เมื่อไปขายปลีกที่ราคาชิ้นละ 40-55 บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ผู้ขายยังเหลือประมาณ 50% จากราคาขายปลีก ถ้าสามารถขายได้เฉลี่ยวันละ 60 ชิ้น จะมีอัตราคืนทุนในเวลาประมาณ 3 เดือน
“สาเหตุที่เราจะขยายแฟรนไชส์ด้วยเนื่องจากมีผู้สนใจติดต่อซื้อธุรกิจไปประกอบอาชีพจำนวนมาก เราเลยไปศึกษาระบบแฟรนไชส์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนสนใจมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ โดยผู้ที่สนใจต้องมี “ทำเล” มานำเสนอ ถ้าพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมจะทำอาชีพนี้ ก็จะได้ทำธุรกิจร่วมกัน โดยทางส่วนกลางจะคอยสนับสนุนเรื่องการอบรมวิธีการทำ และวัตถุดิบ รวมถึง จัดโปรโมชั่นต่างๆ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” เธอ เสริม และเผยด้วยว่า
ขณะนี้ จากที่สำรวจตลาด มีผู้ประกอบการที่ทำขนมครัวซองต์รูปปลา อยู่ประมาณ 3 รายเท่านั้น ซึ่งยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของลูกค้าชาวไทยที่อยากลิ้มลองขนมชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างจุดเด่นให้แก่แบรนด์ “ไอชิ ไทยากิ” นอกเหนือจากเรื่องราคาที่ถือว่าถูกที่สุดเมื่อเปรียบกับทุกรายแล้ว ในอนาคตจะเพิ่มความแตกต่าง ด้วยการเพิ่มไส้ใหม่ๆ ที่เจ้าอื่นไม่มี เช่น ทูน่า และข้าวโพด เป็นต้น รวมถึง ตัวแป้งนอกจากแบบครัวซองต์แล้ว จะเพิ่มเติมแป้งวอฟเฟิล เพื่อเป็นทางเลือกอื่นๆ แก่ลูกค้าด้วย
โทร.084-928-0801, 098-525-6298
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
|
|
|
|
|
157,519
