โทนี่แอนด์กาย ตั้งเป้าเปิด ร.ร.ปีหน้า
โทนี่แอนด์กาย (Toni&Guy) แฟรนไชส์ร้านทำผมจากอังกฤษรุกตลาดไทย เตรียมขยาย สาขาในปีนี้ 2 สาขา และปีหน้าอีก 3 สาขา ตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้าต้องขยายให้ได้ 50 สาขา โดยขยายภายใต้แบรนด์เอสเซนเชี่ยลบายโทนี่แอนด์กาย
พร้อมเตรียมตั้งโรงเรียนโทนี่แอนด์กาย อะคาเดมี่เพื่อรับนักเรียนต่างชาติและ นักเรียนไทยภายใต้มาตรฐานโทนี่แอนด์กายในปลายปีหน้าอีกด้วย
ศิริฉัตร ฉัตรแก้ว กรรมการผู้จัดการ ร้านโทนี่แอนด์กายประเทศไทย กล่าวว่า แบรนด์ โทนี่แอนด์กาย จากประเทศอังกฤษเป็นที่สุดของวงการผม และอยู่ในวงการเส้นผมมากว่า 40 ปี จนถึงปัจจุบันนี้โทนี่แอนด์กายมีสาขาทั่วโลกถึง 400สาขาอยู่ที่อังกฤษราว 200 สาขา ที่เหลือกระจายอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อเมริกา มาเลเชียออสเตรเลีย ไต้หวัน ดูไบ ฮ่องกง ฯลฯ
และกว่าที่จะเปิดโทนี่แอนด์กายในประเทศไทยได้เธอต้อง ไปเรียนทำผมที่โทนี่แอนด์กายประเทศอังกฤษถึง 3 ปี จึงสามารถเปิดร้านโทนี่แอนด์กายสาขาแรกที่สยามดิสคัพเวอร์รี่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติที่อยู่เมืองไทย 60% และคนไทยบางกลุ่มที่นิยมไปตัดผมที่ต่างประเทศรวมถึงนักเรียน ทีไปเรียนยังต่างประเทศอีก 40%
ศิริฉัตรได้รับสิทธิให้เป็นมาสเตอร์ แฟรนไชส์ของโทนี่แอนด์กายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยบริษัทแม่ได้เข้ามาดูคุณภาพของการให้บริการของร้านก่อนที่จะอนุมัติ ทำให้เธอสามารถขยายร้านแฟรนไชส์ได้โดยจะใช้ชื่อว่า "เอสเซนเชี่ยลบายโทนี่แอนด์กาย" โดยจะเปิดสาขาที่มาบุญครองและที่จังหวัดภูเก็ตในปีนี้ และจะเปิดในปีหน้าอีก 3 สาขา มีการตั้งเป้าว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะเปิดให้ได้ 50 สาขา โดยมีความตั้งใจจะเปิดให้ครบ 4 ภาค
ส่วนเหตุผลที่ไม่เปิดแฟรนไชส์เป็นแบรนด์ โทนี่แอนด์กาย เนื่องจากจะเป็นการแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยโทนี่แอนด์กายจะจับลูกค้าระดับบน ซึ่งไม่สามารถขยายสาขาได้จำนวนมาก ส่วนเอสเซนเชี่ยลบายโทนี่แอนด์กายนั้น จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพผม
ขณะที่เงื่อนไขแฟรนไชส์ของโทนี่แอนด์กาย และเอสเซนเชี่ยลบายโทนี่แอนด์กายนั้น จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันไม่ว่าจะเป็นการบริหาร ระบบคอมพิวเตอร์ เรื่องของดีไซน์ การตกแต่ง ที่สำคัญคือเรื่องของทักษะช่าง ซึ่งจะต้องผ่านการเทรนและใช้เทคนิคเดียวกันหมดทั่วโลก โดยนโยบายการเปิดแฟรนไชส์ทุกร้าน จะต้องมีพนักงานที่ผ่านมาฝึกอบรมจากโทนี่แอนด์กายมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี อย่างน้อย 1 คน
"แฟรนไชส์ทุกสาขาเราจะเป็นผู้ลงทุนร่วมไม่น้อยกว่า 10% แต่ไม่จำกัดว่าจะลงทุนมากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละสาขาเราจะลงเท่าไหร่เพื่อ ทำให้แฟรนไชซี่มั่นใจได้ว่าเราไม่ปล่อยให้มีปัญหาแน่นอน เพราะโทนี่แอนด์กายที่มีทั่วโลก 400 สาขานั้นประสบความสำเร็จทั้งหมด ดังนั้นสาขาที่จะเปิดต่อไปก็ต้องสำเร็จด้วย"
โดยมีเป้าหมายในการทำธุรกิจคือการแข่งขันกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่แข่งกันเอง เอสเซลเชี่ยลบายโทนี่ แอนด์กายจะมีบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การให้บริการทำเล็บ และเมกอัพเจ้าสาว เป็นต้น ส่วนพนักงานของโทนี่แอนด์กายจะต้องมีการเรียนและสอบเพื่อเลื่อนขั้นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ส่วนความแตกต่างของเทคนิคการตัดผมของโทนี่แอนด์กายนั้นคือ ทรงผมที่ตัดจะสามารถอยู่เป็นทรงเดิมได้นานถึงครึ่งปี หรือถ้าเป็นผู้ชายสามารถอยู่ได้ถึง 5-6 อาทิตย์ สำหรับราคาค่าบริการของโทนี่แอนด์กายจะอยู่ที่ 700-2,000 บาท ส่วนเอสเซนเชียลบายโทนี่แอนด์กายอยู่ 500-1,200 บาท ทั้งนี้ขึ้นกับตำแหน่งของช่างตัดผม
ในปลายปีหน้าศิริฉัตรบอกว่าจะมีการเปิดโรงเรียนสอนทำผมชื่อ โทนี่แอนด์กายอะคาเดมี่ เนื่องจากมีหลายประเทศ เช่น ลาว ฟิลิปปินส์ อินเดีย เนปาน ปากีสถาน และเขมร ติดต่อเข้ามาเพื่ออยากจะเรียนทำผม ซึ่งการเข้ามาเรียนในไทยจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศอื่น นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนคนไทยให้ได้มีโอกาสในอาชีพนี้มากขึ้น
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์