มาทำความรู้จักกับธุรกิจ “ย่างให้” อาหารที่ถูกผสมผสานแนวคิดระหว่างหมูกระทะกับสเต็กรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หลังจากธุรกิจก่อนหน้านี้ล้มละลายและถูกไล่ที่ทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก และนี่เป็นแรงผลักดันให้ “มณฑล ทองคำ” ชายหนุ่มผู้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จนทำให้มีธุรกิจอย่าง “ย่างให้” มาช่วยปลดหนี้ได้สำเร็จ

 

นายมณฑล ทองคำ เจ้าของธุรกิจย่างให้ เล่าว่า ย่างให้เริ่มต้นมาจากความล้มเหลวของธุรกิจครอบครัวจากเมื่อก่อนที่ล้มไม่เป็นท่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังถูกขอพื้นที่คืนจากแหล่งทำมาหากินที่ทำเป็นประจำ จนทำให้ช่วงเวลานั้นทางบ้านเกิดความเครียดจนคิดท้อถอย แต่เมื่อความล้มเหลวที่เกิดขึ้นทำให้คุณมณฑลไม่คิดย่อท้อต่อโชคชะตาคิดหาหนทางที่จะพยุงครอบครัวให้ดีขึ้นจากการเป็นหนี้หลายล้าน

โดยการคิดสูตรทำหมูกระทะขายเนื่องจากเป็นคนที่ชอบกินหมูกระทะอยู่เป็นประจำและได้มีโอกาสไปกินสเต็กในร้านหนึ่ง จึงคิดว่าในเมื่อชอบกินทั้งสองอย่างทำไมไม่ลองนำมาทำเป็นอาหารที่ผสมผสานระหว่างอาหารสองอย่างนี้ดู คิดได้ดังนั้นจึงลองผิดลองถูกจนเกิดเป็นเมนู “ย่างให้” ซึ่งคำว่า “ย่างให้” มาจากการที่ทางร้านนำเนื้อหมูและวัตถุดิบอื่นๆ มาย่างให้สุกแล้วจัดใส่กล่องเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน

 

เริ่มต้นธุรกิจใหม่อย่างสวยงามประเดิมด้วยกำไรจากการขายในเวลา 1 เดือนสามารถสร้างกำไรให้แก่เจ้าของร้านได้ในมูลค่าหลักล้าน ซึ่งในการเริ่มต้นขายนั้นเพียงแค่ 3 วันก็มีลูกค้ามาสนใจขอซื้อแฟรนไชส์ไปต่อยอด หากพูดถึงเรื่องการค้าทางธุรกิจในช่วงนั้นคุณมณฑลยังไม่เข้าใจในเรื่องของการทำแฟรนไชส์มากนัก จึงขายไปในราคาที่ย่อมเยาเนื่องจากทางร้านเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจนี้ได้ไม่นาน และหลังจากนั้นได้ไม่นานขายได้ประมาณ 10 วันก็มีลูกค้าเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์ไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งภายใน 1 เดือนสามารถขายแฟรนไชส์ไปได้ทั้งหมด 22 สาขา เดือนแรกได้กำไรกว่า 1 ล้านบาท

 

ด้านการโปรโมทธุรกิจคุณมณฑลได้ทำการเผยแพร่และกระจายข้อมูลเกี่ยวกับทางร้านโดยผ่านช่องทางออนไลน์ลงในกลุ่มออนไลน์ต่างๆ ของจังหวัดสระบุรี สาเหตุนี้เองที่ทำให้มีคนจำนวนมากรู้จักและสนใจ หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีลูกค้าจำนวนมากจนบางวันจำนวนอาหารไม่เพียงพอต่อจำนวนลูกค้า โดยปกติจะเปิดร้านทุกวันตั้งแต่เวลา 17:00 น. – 20:00 น. ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน 

 

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดธุรกิจย่างให้ คือ มีลูกค้ามาซื้อแฟรนไชส์ไปขายที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเมื่อพูดถึงอำเภอปายแน่นอนว่าต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เมื่อนำไปขายในสถานที่แห่งนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาสนใจซื้อไปลองกินเป็นจำนวนมากและถูกพูดถึงปากต่อปาก

อีกทั้งยังได้ไปสมัครในรายการหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการทำธุรกิจซึ่งมีการอบรมด้านการทำธุรกิจแฟรนไชส์หลังจากเข้าอบรมแล้วก็สามารถเข้าใจและดำเนินการทำธุรกิจแฟรนไชส์มาได้อย่างเข้าใจและควบคุมได้เป็นอย่างดี

 

ในส่วนของการทำการตลาดของธุรกิจ “ย่างให้” นั้นคุณมณฑลได้ยึดการเอาโปรดักต์ของร้านเป็นจุดสนใจแก่ลูกค้า กล่าวคือเป็นการแก้ไขปัญหาในการกินหมูกระทะแก่ลูกค้า ซึ่งทางร้านจะเป็นคนย่างเนื้อหมูและวัตถุดิบอื่นๆ มาจัดใส่กล่องให้พร้อมด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดส่งต่อให้แก่ลูกค้าที่ไม่มีเวลาในการมานั่งปิ้งย่างด้วยตนเอง รวมถึงช่วยแก้ไขปัญหาของการกินหมูกระแล้วมีกลิ่นติดผมหรือติดตามเสื้อผ้า ในส่วนนี้ทางร้านก็คิดออกมาให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในด้านนี้ อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ความคิดแปลกใหม่ในการทำธุรกิจที่สามารถนำเอาสิ่งที่ตนเองกินอยู่เป็นประจำมาพัฒนาต่อยอดให้เป็นอาหารที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง 

 

นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งก็เป็นอีกส่วนประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตไปในทางที่ดี เพราะว่าถ้าหากทำเลไม่ดีก็ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจสินค้าของทางร้านได้ เนื่องจากถ้าทำเลดีก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 2-3 เท่าตัวก็ว่าได้ รวมถึงการบริการหลังการขายก็มีความจำเป็นและสำคัญเช่นเดียวกันหากมีบริการหลังการขายที่ดีและเป็นที่น่าประทับใจลูกค้าที่เคยสนับสนุนก็ย่อมสนับสนุนต่อไป 
 

 

 

ทั้งนี้ในเรื่องของผลตอบรับเป็นไปในทางที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจโดยประสบความสำเร็จเกิน 100% คุณมณฑลสามารถปลดหนี้ที่เคยทำธุรกิจล้มเหลวกว่า 11 ล้านบาทภายในหนึ่งปีจากการพัฒนาต่อยอดความคิดที่แปลกใหม่ ใส่ใจในรายละเอียดและมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นของลูกค้าพร้อมทั้งสนองต่อความต้องการลูกค้าในการกินอาหารได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันร้านย่างให้มีแฟรนไชส์ทั้งหมด 78 สาขาทั่วประเทศไทย 

 

นอกจากนี้ในอนาคตมีการวางแผนพัฒนาและดำเนินธุรกิจ ย่างให้ ในส่วนของการสร้างมูลค่าเพิ่มและอยากต่อยอดให้เข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทียบเท่ากับร้านที่จำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งมีการกำหนดไว้แล้วว่าจะทำเป็นร้านหมูกระทะแบบไทย เนื่องจากอยากสร้างค่านิยมให้เป็นที่รู้จักในชื่อของหมูกระทะไทยก็ไม่แพ้หมูกระทะชาติใด

เหตุใดจึงต้องเป็นแบบไทยเพราะว่าในส่วนของน้ำจิ้มและน้ำหมักย่างให้นั้นมีลูกค้าจากต่างประเทศ เช่น เกาหลี ลาว และกัมพูชามีความต้องการอยากขอซื้อสูตรน้ำจิ้มไปจำหน่าย ซึ่งถูกมองว่าน้ำจิ้มที่ทำขึ้นน่าจะดึงดูดความสนใจชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี จึงเป็นสาเหตุของการอยากสร้างร้านหมูกระทะที่มีความเป็นไทยลงไป
 

 

“เมื่อธุรกิจเคยล้มเหลวถ้ามัวแต่รอเวลาก็ไม่สามารถยกระดับชีวิตขึ้นมาได้ ผมเคยล้มเหลวมาก่อนในช่วงนั้นปัญหาเข้ามารุมเร้าไม่ว่าจะเป็นภรรยาที่กำลังตั้งท้องและแม่ก็ล้มป่วย ธุรกิจของครอบครัวต้องปิดตัวลง และถูกไล่ที่ทำมาหากินจนทำให้เป็นหนี้ในหลักสิบล้าน จนเกิดความท้อถอยขอแค่มีข้าวกินไปวันๆ ก็ พอ แต่ความคิดเหล่านี้กลับถูกเปลี่ยนแปลงด้วยความที่ผมตั้งสติและคิดได้ว่าจะต้องหาหนทางทำมาหากินให้ได้ โดยเริ่มจากที่เราชอบอะไรมากที่สุด ไอเดียที่ได้จึงเกิดจากการที่ผมชอบกินหมูกรระทะและสเต็กเป็นประจำ จึงคิดขึ้นได้ว่าถ้าหากนำเอาทั้งสองอย่างมาผสมผสานเข้าด้วยกันจะทำให้เกิดเมนูที่แปลกใหม่ที่เรียกว่า “ย่างให้” จนถึงทุกวันนี้”

 

อย่างไรก็ตามธุรกิจ “ย่างให้” มีราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยเริ่มที่ราคา 39 บาท จนถึง 299 บาท ซึ่งภายใน 1 ชุดจะมีทั้งเนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึกและผัก อย่างครบครัน พร้อมด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ด 4 สูตร คือ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มงา น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มหม่าล่า รวมถึงมีเมนูใหม่เพิ่มเติมของทางร้านคือ บะหมี่เป็ดย่างและเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ และสำหรับคนที่คนที่สนใจร่วมทำธุรกิจกับ “ย่างให้” สามารถซื้อแฟรนไชส์ได้ใน 2 รูปแบบ คือ แบบหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าจะอยู่ที่ราคา 169,999 บาท และราคาแบบออกบูธตลาดทั่วไปอยู่ที่ราคา 79,999 บาท 

 

โทร. 0997825550 คุณมณฑล


อ้างอิงจาก https://goo.gl/28GCoZ