หนุ่มวัย 22 ปี จับธุรกิจของครอบครัวมาต่อยอด ดันแฟรนไชส์สุกี้รถเข็น เจ้าแรกและเจ้าเดียวของไทย ภายใต้แบรนด์ “ยูโกะ” เผยจุดขายเอาใจคนรักสุขภาพ ตอบสนองชีวิตเร่งรีบ ทีเด็ดด้วยน้ำจิ้ม 7 รส ระบุร่วมธุรกิจด้วยเงินลงทุน 1 แสน 3-9 เดือนคืนทุน ตั้งเป้าขยายช้าแต่ชัวร์ ฝันไกลบุกตลาดโลกในอนาคต 

 

มาณพ กีรติธีระพงศ์ หนุ่มวัย 22 ปี กล่าวว่า ครอบครัวมีกิจการ บริษัท ธนาวัฒน์ฟูดส์ จำกัด ผลิตน้ำจิ้มสุกี้ ยี่ห้อ “ยูโกะ” อยู่แล้ว ประกอบกับตัวเองชอบทำอาหาร จึงเกิดไอเดียแฟรนไชส์อาหารสุกี้ โดยเห็นช่องทางการตลาดว่า แฟรนไชส์อาหารสุกี้ตามข้างทาง ยังไม่มีมาก่อน อีกทั้ง จะเป็นส่วนเสริมยอดขายน้ำจิ้มสุกี้ให้บริษัทแม่ด้วย

เบ่งร้านต้นแบบทดลองตลาด 

 

เริ่มต้น มาณพ ลงทุนเกือบ 200,000 บาท บุกเบิกร้านต้นแบบที่หน้าโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ ถ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของธุรกิจแฟรนไชส์นี้ หลังจากเปิดมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผลออกมาน่าพอใจ ร้านมีกำไรเฉลี่ยประมาณวันละ 2,000 บาท ทำให้มั่นใจธุรกิจนี้ มีอนาคตไปได้ 

 

สำหรับคอนเซ็ปท์ต่างๆ ของแฟรนไชส์ “ยูโกะ” เขาจะวางขึ้นเอง พัฒนาและปรับปรุงจากเสียงสะท้อนที่เข้ามายังร้านต้นแบบ ประกอบกับได้เข้าอบรมความรู้ด้านบริหารแฟรนไชส์กับกระทรวงพาณิชย์ด้วย และได้เปิดขายแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา 

 

“เมื่อก่อนคีออสจะเป็นแบบเรียบๆ แต่ก็ได้ปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนได้แบบที่สวยงามลงตัว และที่สำคัญใช้งานได้ดี มีกระจกกัน และติดที่ดูดควัน ออกแบบเสื้อฟอร์มสีส้ม สื่อถึงความเข้มข้นของน้ำจิ้ม ในขณะที่ แนวทางของสุกี้ เป็นสไตล์ญี่ปุ่น แต่เน้นน้ำจิ้มรสแซบแบบไทยๆ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก ทานแล้วไม่อ้วน ตอบรับชีวิตคนเมือง ที่ต้องการอาหารที่ความสะดวก สะอาด และรวดเร็ว” 
 

 
 

โชว์ทีเด็ดน้ำจิ้ม 7 สูตร 

 

นักธุรกิจหน้าใหม่ กล่าวว่า ส่วนสำคัญที่สุด มาจากน้ำจิ้ม มีให้เลือกหลากหลาย ถึง 7 สูตร ได้แก่ สูตรเสฉวน , กวางตุ้ง , ไหหลำ , นงเกี้ย , ไทยล้านนา , ไทยศรีวิชัย และไทยอีสาน ทั้งหมด ผ่านมาตรฐาน GMP , HACCP , HALAL และ อย. ไม่ใส่สี ผงชูรส และสารกันเสีย 

 

“ผมคิดว่า แต่ละคนมีความชอบต่างกัน การคิดสูตรน้ำจิ้ม ผมจะเป็นคนออกไอเดีย จากประสบการณ์ออกโรดโชว์กับกระทรวงพาณิชย์ตามภาคต่างๆ ผมจะลองสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น เปิดตัวที่โคราช ก็ลองทำสูตรอีสานไป หรือไปเหนือก็ลองทำสูตรล้านนา ผลตอบรับกับเสียงสะท้อน ผมก็จะนำมาปรับปรุง ส่งให้ทีมงานพัฒนาจนกลายมาสูตรของเรา ต่อไปจะเพิ่มเป็นทั้งหมด 10 สูตร เน้นรสชาติไทยๆ เพราะสูตรกวางตุ้ง ไหหลำ มีออกมามากแล้ว ไม่มีใครกล้าประยุกต์มาเป็นน้ำจิ้มสุกี้ แบบไทยๆ ซึ่งการนำรสชาติของคนแต่ละภาคมาประยุกต์ จะช่วยให้กระจายได้ทั่วประเทศ” 

 

ขยายแฟรนไชส์ช้าแต่ชัวร์ 

 

หนุ่มวัย 22 ปี อธิบายถึงหลักในการขยายสาขาให้รูปแฟรนไชส์ว่า เน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ ทั้งที่เริ่มแรกคิดว่า จะปล่อยแฟรนไชส์ในราคา 10,000 –20,000 บาท แต่เมื่อเข้าอบรมกับกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เปลี่ยนแนวทาง เพราะถ้าปล่อยในราคาดังกล่าว จะได้ผู้ร่วมลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่ำ ทำให้การดูแลเป็นไปได้ยาก ในที่สุด แบรนด์จะเสีย และส่งผลกระทบไปยังบริษัทแม่ ดังนั้น จึงเลือกที่ปล่อยให้ผู้สนใจจริงๆ ในทำเลที่คิดว่าเหมาะสมเท่านั้น 

 

สำหรับเมนูอาหารในแฟรนไชส์ “ยูโกะ” คือ สุกี้ ชามด่วน น้ำ / แห้ง ราคา 25 -50 , สุกี้ กระทะร้อน ราคาขาย 35-60 บาท จากการทดสอบตลาด ผู้บริโภคยอมรับราคาตรงนี้ได้ และในอนาคตจะมีเมนูเสริม พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ให้จำเจ ให้คนที่เข้ามา สามารถหาอาหารที่ต้องการทานได้ ขณะนี้ ได้เสริมด้วยข้าวหน้าหมูเกาหลี 4 รส ราคา 35 บาท และน้ำชา สมุนไพร แก้วละ 10 บาท 
 

 
 

ลงทุน 1 แสน 3-9 เดือน คุ้มทุน 

 

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ ในการซื้อแฟรนไชส์ เขา แจงว่า ต้องใช้เงินลงทุน ประมาณ 100,000 บาท ซึ่งยอมรับว่า ค่อนข้างสูง แต่เพราะต้องการได้สาขาที่มีคุณภาพ และตั้งใจจริง ๆ โดยแฟรนไชซี่ จะมีกำไรต่อ 1 ชาม 30 -40 เปอร์เซ็นต์ของราคาขายปลีก หากขายได้วันละ 100 ชาม รายได้เฉลี่ยวันละ 3,500 บาท สามารถคืนทุนได้ใน 3 – 9 เดือน แล้วแต่ทำเล ทั้งนี้ ใช้เงินทุนหมุนเวียนต่อเดือน ประมาณ 30,000 บาท และก่อนที่จะเปิดร้าน ทางแฟรนไชซอจะวางแผนการตลาด และอบรมปรุงอาหารให้ 

 

“แฟรนไชส์นี้ ผมตั้งใจรองรับกลุ่มข้าราชการเออร์รี่รีไทร์ หรือพนักงานบริษัท ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ เพราะขั้นตอนการทำสุกี้ของเราง่ายมาก แค่ใส่น้ำจิ้มอย่างเดียวไม่ต้องปรุงเพิ่ม ทุกสาขาต้องมีรสชาติเดียวกัน ส่วนวัตถุดิบจะส่งเฉพาะน้ำจิ้ม ส่วนของสด สาขาต้องหาซื้อเอง แต่เราจะมีสูตรกำหนดให้ ด้านระบบควบคุมคุณภาพ มีทีมงานตรวจสอบเดือนละ 2 ครั้ง ดูว่า สาขาทำเหมือนที่อบรมหรือไม่ และมีการเก็บตัวอย่างน้ำจิ้มกลับมาที่บริษัทแม่ เพื่อตรวจสอบว่า มีการนำดัดแปลง หรือซื้อยี่ห้ออื่นมาใช้หรือไม่ ถ้ามีการผิดข้อตกลง ครั้งแรกจะพูดคุยตักเตือน ถ้า 3 ครั้ง จะมีการเรียกค่าปรับ หรือยึดแฟรนไชส์คืน” 

 

 

ฝันไกล บุกตลาดต่างประเทศ 

 

หนุ่มวัย 22 ปี กล่าวเสริมว่า นอกจากสาขาหน้าโรงเรียนจันทร์หุ่นแล้ว เขาเพิ่งเปิดอีก 2 สาขา คือ คลังพลาซ่า จ.นครราชสีมา และศูนย์อาหารในกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง 3 สาขา มีลักษณะทำเล และกลุ่มลูกค้าต่างๆ กัน ซึ่งจะนำผลมาประเมินดูว่า แฟรนไชส์ “ยูโกะ” เหมาะกับตลาดใดมากที่สุด 

 

ส่วนเป้าการขยายสาขาโดยรวม ภายในปีนี้ ตั้งไว้ที่ 10 สาขาภายในกรุงเทพฯ ส่วนปีหน้าจะขยายเดือนละ 2 สาขา รวม 24 สาขา เน้นที่ตลาดต่างจังหวัด นอกจากนั้น โครงการต่อไป จะเปิดแฟรนไชส์ในรูปของร้านสุกี้ ออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น ลงทุนครั้งละ 70,000 บาท ซึ่งออกแบบไว้แล้ว โดยจะปรับสาขาหน้าโรงเรียนจันทร์หุ่น เป็นร้านต้นแบบ เพื่อทดสอบตลาด และในอนาคต ถ้าแฟรนไชส์แข็งแรง จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ เพราะคิดว่า อาหารเป็นปัจจัยสี่ และอาหารไทย เป็นที่นิยมติดระดับโลก การนำเสนอน้ำจิ้มสูตรไทย 4 ภาค ธุรกิจน่าจะมีอนาคตสดใส 

 

ติดต่อ โทร. 089-070-2818 

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์