“ขนมโชคดี”จาก ‘บ้านขนมสด'ชื่ออาจไม่คุ้นหู แต่คงเคยคุ้นตาและคุ้นกับรสชาติ กันมาบ้าง ที่เจ้าของเกิดไปปิ๊งไอเดียจากขนมทองม้วน ทองพับ แล้วหยิบมาเติมรูปแบบ เพิ่มรสชาติ บวกความรู้สึกเข้าไป จากขนมไทยๆ ก็สามารถสร้างโอกาสและรายได้อย่างงดงาม 

นายชัยฤทธิ์ กาญจนาเวส เจ้าของร้าน บ้านขนมสด เปิดเผยถึงแนวคิดของ ‘ขนมโชคดี'ว่า เริ่มจากการขายเครื่องจักรที่ทำขนมทองม้วนมาก่อน และมองว่า ถ้าทำขนมทองม้วน ทองพับออกมาขายด้วยน่าจะไปได้สวยและมีอนาคตไกล เพราะเป็นขนมที่คนไทยรู้จักกันมานาน หารับประทานง่าย สามารถรับประทานได้ทุกฤดูกาล ทานแกล้มกับไอศกรีม นม หรือน้ำชา ก็ไม่เลว ซึ่งปัจจุบันคนไทยที่รักสุขภาพหันนิยมบริโภคกันเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับซื้อไปเป็นของขวัญและของฝากในเทศกาลต่างๆ

 

นอกจากนั้นยังสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น จากขนมทองม้วน ทองพับ จนมาถึง ‘ขนมโชคดี' ด้วยความเชื่อของคนไทยที่ว่า ชื่อของขนมที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าทองนั้น มักเป็นที่นิยมสำหรับซื้อไปเป็นของขวัญ ของฝาก เพราะมีความหมายที่ดี และเป็นสิริมงคล เลยเปลี่ยนชื่อจากขนมทองม้วน ทองพับ มาเป็น ‘ขนมโชคดี' ซึ่งความหมายก็ยังไม่ผิดไปจากเดิมนัก 

 

และเพื่อให้เข้ากับรูปแบบของขนมมากยิ่งขึ้น จึงนำความเชื่อของคนไทยมาพลิกแพลง และผสมผสานเข้ากับขนม ด้วยการนำคำทำนายจากสำนักต่างๆ ใส่ลงไปในขนมแต่ละกล่องด้วย จะ มีคำทำนายทั้งหมด 100 ใบ โดยจะหมุนเวียนเปลี่ยนคำทำนายทุกๆ 1เดีอน ซึ่งแต่ละใบจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าผู้ที่มาซื้อจะได้คำทำนายใบไหนไป ทำให้ขนมนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น และรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับการซื้อหา ‘ขนมโชคดี' ในแต่ละครั้งด้วย 

 

เจ้าของร้านบ้านขนมสด ยังกล่าวเสริมต่ออีกว่า จากขนมไทยธรรมดาๆ เราจะทำอย่างไรให้เป็นขนมที่ไม่ธรรมดา จึงคิดว่าถ้านำประโยชน์ของคุณค่าทางอาหารมาเสริมเข้ากับขนม โดยการนำมาผสมกับผัก ผลไม้ต่างๆ อาทิ แครรอท ฟักทอง เผือก เพราะยุคนี้เป็นยุคที่คนไทยหันมาดูแลและใส่ใจสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ ให้กับขนมด้วย ปัจจุบันมี 2 รสชาติที่ยึดเป็นมาตรฐานคือ รสเค็มและ รสหวาน จำหน่ายอยู่ที่ศูนย์อาหารแฟรนไชส์ ถนนแจ้งวัฒนะ 
 

 

ความที่จำหน่ายเครื่องผลิตขนมด้วย จึงทำให้เกิดแนวคิดต่อยอด ด้วยการเปิดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์สร้างแบรนด์ ‘บ้านขนมสด'เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ๆ หรือนิสิต นักศึกษาทีต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่มีเงินลงทุนน้อย 

 

ตอนนี้มีผู้สนใจติตต่อขอซื้อแฟรนไชส์แล้วถึง 200 ราย เพราะเป็นการลงทุนที่ไม่แพง เพียงสิทธิค่าแรกเข้า 35,000 บาท สิทธิที่แฟรนไชซี่จะได้รับนั้นก็จะมี อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำขนม เตาทำขนม คู่มือทำสูตรขนม ป้ายชื่อร้าน ‘บ้านขนมสด' รวมทั้งอบรมการทำขนมที่ปัจจุบันมีมากกว่า 100 สูตร ซึ่งมีทั้ง ขนมเบื้อง ขนมครก ขนมโตเกียว มินิเครปและไอศกรีมสดด้วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และออกเป็นประกาศนียบัตรให้ด้วย ถ้าแฟรนไชซี่สนใจซื้อเครื่องทำขนมและเครื่องทำไอศกรีม เพิ่มเพื่อความหลากหลายให้กับร้านตนเองก็ได้ นายชัยฤทธิ์กล่าว 

 

ส่วนอายุของการทำสัญญาอยู่ที่ 3 ปี หมดสัญญาก็ต่อใหม่ ไม่มีการขายขาด โดยจะเสียเพียงแค่ครึ่งเดียว ค่ารอยัลตี้ฟีเป็นแบบเหมาจ่ายเพียง 500 บาท ต่อเดือน เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้มาทำการตลาดให้กับแฟรนไชซี่ อีกทั้งยังรับประกันเครื่องทำขนมให้ตลอดอายุการใช้งาน เสียรับซ่อมให้ฟรี 

 

จุดเด่นของแฟรนไชส์ 

 

‘บ้านขนมสด'ไม่จำกัดทำเลหรือที่ตั้งเพราะใช้พื้นที่ในการตั้งร้านน้อย สามารถขายได้ทุกที่ เป็นสินค้าที่ขายง่ายมีลูกค้าทุกระดับ ต้นทุนในการผลิตขนม 150 บาท แต่ไม่เกิน 300 บาท จึงสามารถคืนทุนภายในระยะเวลา 3 เดือน และถ้าผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มีกำลังผลิตขนมมากจนขายไม่หมด ยังส่งกลับมาจำหน่ายที่สำนักงานใหญ่ ศูนย์อาหารแฟรนไชส์ได้ ผู้จัดการร้านบ้านขนมสดขอรับประกัน 

 

สนใจธุรกิจหรือ ขนมโชคดีติดต่อ ได้ที่ศูนย์อาหารแฟรนไชส์ โทร 02-9622171

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์