สะเต๊ะมิ้งหลังสร้างชื่อในตลาดสะเต๊ะมากว่า 42 ปี พร้อมโตขึ้นด้วยแผนเฟสแรกจะขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์ เป็นโมบาย (รถตุ๊กๆ) ขายสะเต๊ะรสชาติอร่อยด้วยเครื่องเคียงสูตรซีอิ้วดำ พร้อมหมูหมักเครื่องเทศยาจีน ที่ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว พร้อมมีเฟสสองในรูปแบบเป็นร้าน แต่เน้นการขยายสาขาไปต่างจังหวัด 

 

อภิรักษ์ เตียรถ์นานนท์ เจ้าของกิจการสะเต๊ะมิ้ง กล่าวว่ากิจการนี้เริ่มต้นด้วยการหาบเร่ขายของพ่อเขา ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้นหลังจากนั้นก็พัฒนาเป็นรถเข็น และเมื่อมี ชื่อเสียงมากขึ้นก็เปิดเป็นร้านขายอยู่ทำเลจุฬาซอย 30 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับรวมเป็นเวลากว่า 42 ปีแล้ว 

 

สะเต๊ะมิ้งมีรสชาติที่แตกต่างจากสะเต๊ะรายอื่นๆ ตรงที่ใส่เครื่องเคียงสูตรซีอิ้วดำ และหมักหมู ด้วยเครื่องเทศยาจีนซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ เมนูสะเต๊ะมิ้งมีทั้งหมด 3 ประเภทคือสะเต๊ะหมู สะเต๊ะไก่ และ สะเต๊ะตับ ส่วนราคาขายที่ตั้งไว้ไม่แพงมากนักคือ 5 บาท/ไม้ จับกลุ่มเป้าหมายซีลบถึงเอ ทั้งได้เตรียม พัฒนาแพกเกจจิ้งที่อำนวยสะดวกคือพร้อมทานและเก็บความร้อนได้นาน 

 

กรวิวัฒน์ กิจสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท แฟรนไชส์ แอนด์ ไลเซ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และที่ปรึกษากิจการสะเต๊ะมิ้ง กล่าวว่า ถึงเวลาที่สะเต๊ะมิ้งควรจะขยายกิจการแล้ว เพราะเพียงแค่จำนวนเพื่อนฝูงเจ้าของกิจการก็มีไม่ต่ำกว่า 30 รายที่ได้รับซื้อสะเต๊ะมิ้งไปขายปลีก 
 

 
 

"แต่ที่พัฒนาเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อต้องการควบคุมมาตรฐาน ทั้งเรื่องของคุณภาพสินค้า น้ำจิ้ม มาตรฐานการขาย ส่วนการเปิดเป็นกิจการรถโมบายเพราะมีการลงทุนต่ำ คืนทุนไว รถก็เป็นของคนลงทุนซึ่งเขาสามารถตระเวนไปได้ทุกที่ แต่ถ้าทำเป็นร้านมีข้อจำกัดเยอะ" 

 

เขาคาดการณ์ว่ายอดขายจะตกวันละ 1,000 ไม้ คิดเป็นกำไร 2,000 บาท เพราะจากสถิติยอดขายที่หน้าร้านปัจจุบันลูกค้าที่สั่งซื้อกลับบ้านเฉลี่ยอยู่ที่100-500 ไม้/คน หากแฟรนไชซี่สามารถขายได้ในปริมาณที่ทางร้านกำหนด ก็จะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 5 เดือน ส่วนทำเลนั้นแฟรนไชซี่ควรจะมีการสำรวจแล้ว และจะให้ดีควรจะแบ่งพื้นที่การขายเป็นรอบได้ด้วย ปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครเป็นแฟรนไชซี่แล้ว 20 กว่าราย และพร้อมที่จะเปิดให้บริการแล้ว 2 ราย 

 

ส่วนสาขาต่างจังหวัดแผนเฟสที่สองนั้นก็มีผู้สนใจจำนวนมากเช่นกัน ส่วนเงื่อนไขนั้นแฟรนไชซี่ นั้นต้องมีใจรักเรื่องอาหาร มีเงินทุน และพร้อมทำตามมาตรฐานที่กำหนด ทั้งนี้จะซื้อไปเพื่อเปิดทำเป็นอาชีพเสริมเป็นหรืออาชีพหลักก็ได้ และในอนาคตจะพัฒนาเป็นระบบผ่อนส่งด้วย เพราะต้องการให้คนกลุ่มมีรายได้ปานกลางมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจด้วย 

 

โดยผู้ที่เป็นแฟรนไชซี่ต้องเข้ารับการอบรม 1 สัปดาห์ ในเรื่องของการย่าง การเสียบไม้สะเต๊ะ ซึ่งกำหนดว่าหมู 1 กิโลจะต้องเสียบทั้งหมด 60 ไม้ แต่หากแฟรนไชซี่ไม่ทำเองสะเต๊ะมิ้งจะบริการจัดสินค้าสำเร็จรูป เพื่อให้พร้อมน้ำจิ้มที่บรรจุใส่ขวดแฟรนไชซี่นำไปย่างขาย 
 

 
 

"ในอนาคตเราจะพัฒนาเมนูใหม่อย่างต่อเนื่องแต่จะคงความเป็นหมูสะเต๊ะ เช่น ยำหมูสะเต๊ะ แซนด์วิชหมูสะเต๊ะ ข้าวผัดหมูสะเต๊ะ ฯลฯ ซึ่งเราจะมีการอบรมแฟรนไชซี่ทุกครั้งที่มีเมนูใหม่ และจะพัฒนาแพกเกจจิ้งเพื่อให้ลูกค้าบริโภคได้สะดวก และรักษาความร้อนของอาหารให้ยาวนานขึ้น เพราะแพกเกจจิ้งปัจจุบันไม่มีช่องใส่น้ำจิ้ม และเก็บความร้อนได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น" 

 

พร้อมกันนี้จะมีการมุ่งเน้นเรื่องมาตรฐานสินค้าให้มากขึ้น โดยการส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบมาตรฐานในแต่ละสาขาแฟรนไชส์ทุกเดือน ทั้งยังได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคที่เบอร์ โทร.0-2214-2481 

 

 

สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจโทร. 0-2611-7921, 0-2214-1750

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์