“Thai Go” แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดไทย ตีตลาดช้อปปิ้งมอลล์เมืองลุงแซม
ประมาณ 13 ปีที่แล้ว ปัญญา ทิพยโสตถิ ได้ตกลงใจทำธุรกิจร้านอาหารในประเทศอเมริกา หลังจากไปเรียนต่อโทที่นั่น โดยร้านอาหารแบบ Full Service ร้านแรกของเขาคือ King & I เมื่อประสบความสำเร็จจึงเปิดเพิ่มอีกเรื่อยๆ จนปัจจุบันเขามีร้านอาหารในอเมริกาถึง 9 ร้าน และสาขาของร้านฟาสต์ฟู้ด Thai Go อีก 7 สาขา
นายปัญญา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการฝ่ายพัฒนาและแฟรนไชส์ บริษัท ไทยฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ เปิดเผยว่า คงเป็นการยากที่จะแข่งกับธุรกิจที่คนอเมริกันทำอยู่แล้ว เพราะเสียเปรียบทั้งด้านภาษาและคอนเนคชั่น มีธุรกิจร้านอาหารไทยอย่างเดียวเท่านั้น ที่คนอเมริกันไม่สามารถเป็นคู่แข่งได้ จึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารไทยแบบ Full Service จนประมาณ 5 ปีที่แล้ว เขามองเห็นว่าตลาดฟาสต์ฟู้ดไทยในอเมริกายังไม่มี และเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้ จึงเปิดร้านฟาสต์ฟู้ด Thai Go ขึ้น
ด้านคู่แข่งนั้น ก็มีอยู่มากมายทั่วไป แต่เนื่องจากความต้องการของตลาดอาหารไทยในอเมริกามีมาก เพราะคนรู้จักอาหารไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฐานลูกค้าจึงกว้างขึ้น ทำให้ธุรกิจอาหารไทยยังไปได้ดี โดยจุดเด่นของ Thai Go ก็ คือการพัฒนาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องระบบการเทรนนิ่ง การพัฒนาสูตรอาหาร ความอร่อยของอาหาร
“เราจ้างเชฟจากโรงแรมในไทย เพื่อสร้างเมนูให้ได้มาตรฐาน และคุมคุณภาพของร้านทุกร้าน เราเน้นฝึกอบรมพนักงานให้ดูแลลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และต้องรู้จักแนะนำไวน์ ซุป สลัด เบียร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มยอดขาย ค่าตอบแทนเราก็ให้คุ้มค่า ร้านเราต้องให้มากกว่า สวัสดิการต้องดีกว่าร้านอื่น”
ส่วนแฟรนไชส์นั้น ปัญญาเริ่มมองเห็นลู่ทางเมื่อรัฐบาลมีโครงการครัวไทยสู่โลก เขาเห็นว่าโอกาสที่คนไทยจะไปเปิดทำธุรกิจร้านอาหารที่อเมริกา มีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งเรื่องกฎหมาย ตัวร้าน และข้อมูลต่างๆ จึงคิดทำแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ด “Thai Go” เพื่อช่วยลดความเสี่ยงให้ผู้สนใจประกอบธุรกิจ และได้ประโยชน์ร่วมกันในการแบ่งผลกำไร
“เริ่มต้นก็ต้องยื่นใบสมัครมาให้เราตรวจสอบก่อน พอผ่านแล้ว เขาก็ต้องตรวจสอบฐานะการเงิน ประวัติบุคคลของเรา ก่อนเซ็นสัญญาเราก็จะพาไปตรวจสอบร้าน ถ้าตกลงเซ็นสัญญา ขั้นต่อไปก็คือการขอวีซ่าอินเวสเม้นท์ ระหว่างนั้นเราก็หาทำเลร้านให้เขาพิจารณา 4-5 ทำเล เมื่อทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกแบบ ก่อสร้าง แล้วก็เริ่มเทรน ทั้งที่เมืองไทยคือในโครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ของ ม.เกษตรศาสตร์ ให้รู้พื้นฐาน และก็ไปเทรนเรียนรู้ปฏิบัติจริงที่ “Thai Go” ในอเมริกา”
โดยปีแรกวางเป้าไว้ประมาณ 5 ร้าน ในเมืองซีแอตเทิล, พอร์ทแลนด์ และซานฟรานซิสโก และเน้นเปิดในชอปปิ้งมอลล์ เพราะเป็นแหล่งที่มีคนเยอะ ง่ายในการหาลูกค้าและส่วนแบ่งการตลาด เป็นการลดความเสี่ยงสำหรับผู้ลงทุน
ด้านการบริหารนั้น ปัญญาบอกว่า ผู้จัดการร้านมีอิสระในการบริหารร้านตามขอบเขตที่ Thai Go กำหนด และจะมีการประชุมรวมว่าร้านไหนมีปัญหาอะไร และทำยอดได้ตามเป้าหรือไม่ ส่วนการคุ้มทุนมันไม่สามารถการันตีได้ แต่จากการคาดการณ์จากร้านสาขาที่เปิดเอง ก็ประมาณ 3-4 ปี
“อยู่ที่ว่าคุณทำตามไกด์ไลน์ที่เราวางไว้ให้ได้มากแค่ไหน แต่ถึงแม้จะทำได้ทุกอย่าง มันก็เป็นเรื่องของการประหยัดต้นทุน ความเอาใจใส่ และอีกหลายอย่าง ที่คุณต้องเรียนรู้จากประสบการณ์”
ส่วนในเมืองไทยนั้น คาดว่าจะเปิดเพียงร้านเดียว เพื่อให้คนไทยรู้จัก และเป็นร้านที่ใช้เทรนพนักงานเพื่อให้คุ้นเคยกับระบบของ Thai Go และส่งไปที่อเมริกาต่อไป
ปัญญากล่าวทิ้งท้ายถึงโครงการครัวไทยสู่โลกว่า เป็นโครงการที่ดี เพราะประเทศไทยได้ประโยชน์จากการที่ร้านอาหารไทยไปเปิดในต่างประเทศ ทั้งจากพนักงานคนไทยที่ส่งเงินกลับเมืองไทย และสินค้าที่ร้านต่างๆ สั่งซื้อจากไทย
“สิ่งที่โครงการมาช่วยเพิ่มเติมคือเร่งให้ตื่นตัว เร่งการเจริญเติบโต และช่วยเรื่องการเงิน ทำให้เรามีกำลังในการที่จะไปแข่งขันกับแฟรนไชส์อื่นของต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล”
ติดต่อแฟรนไชส์ Thai Go ได้ที่ 0011 425 260-4464 (อเมริกา)
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์