จากก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาที่มักขายตามงานวัด ขึ้นแท่นมาเป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ที่ขึ้นชื่อ ถึงขนาดขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ถือว่าการมาถึงจุดนี้ไม่ธรรมดาเลย ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าธุรกิจนั้นต้องมีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างจากรายอื่น และสามารถรักษามาตรฐานในเรื่องของรสชาติเป็นอย่างดี

 

นายกฤตภาส มาเลิศพรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรม ยอดเฮง จำกัด หรือเจ้าของแฟรนไชส์ “ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ยอดเฮง” เปิดเผยถึงแนวคิดในการทำธุรกิจนี้ว่า เกิดจากความคิดที่ต้องการความเท่าเทียมในการ ได้รับประทานก๋วยเตี๋ยวของคนในสังคมไทยว่า ทำไมต้องมีการจำกัดพื้นที่ของอาหารที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นนั้นๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ฯ ที่ต้องทานตามสถานที่เหล่านั้น แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครนำก๋วยเตี๋ยวเหล่านี้ออกมาจากท้องถิ่นนั้นบ้าง โดยที่ยังคงรสชาติดั้งเดิมอยู่ ซึ่งตรงจุดนี้ก็น่าจะนำมาสร้างเป็นธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ได้

 

จากแนวคิดดังกล่าวและประกอบกับตนเองเป็นคนอยุธยา อ.เสนา ซึ่งบรรพบุรุษก็ได้ทำก๋วยเตี๋ยวเรือมาช้านาน อาศัยขายตามงานวัด ซึ่งรสชาติจะเน้นที่ความเข้มข้น และเครื่องเทศที่เป็นสมุนไพรไทยล้วนๆ ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของชาวบ้านในละแวกนั้น จึงได้นำสูตรดังกล่าวมาดัดแปลงเพื่อให้รสชาติเป็นสากลมากขึ้น แต่ยังคงความเข้มข้นของสมุนไพรไทยอยู่ และจุดเด่นอีกอย่างคือลูกชิ้นทั้งเนื้อและหมูที่ทำเอง เน้นคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค ในราคาชามละ 20 บาท

 

“หลังจากที่เราเริ่มเปิดร้านอย่างจริงจังในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก จึงเริ่มขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้เรามีกว่า 300 สาขาทั่วประเทศแล้ว ทั้งนี้การที่เรามีสาขามากในเวลาเพียงไม่กี่เดือนนั้น เพราะค่าแฟรนไชส์ของเราไม่สูงจนเกินไป และธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวมีกำไรดี และคืนทุนได้เร็ว ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย”

 

สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ทางก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ยอดเฮง ได้ออกแบบใน 2 รูปแบบ คือแบบคูหา ลงทุน 95,000 บาท และแบบรถเข็น ลงทุน 33,999 บาท ซึ่งการลงทุนทั้ง 2 แบบ ลูกค้าจะได้อุปกรณ์ในการประกอบธุรกิจอย่างครบถ้วน 

 

ไม่ว่าจะเป็น รถเข็น เรือขนาด 2.5 เมตร จนกระทั่งที่คีบผัก เป็นต้น ส่วนในเรื่องของการเก็บค่าแฟรนไชส์ฟี จะไม่มีการเก็บเลย แต่จะเป็นการที่ทางบริษัทฯ จะลงไปดูแล และตรวจรสชาติคุณภาพของก๋วยเตี๋ยวตลอด เพื่อการรักษาฐานลูกค้าให้เหนียวแน่น

 

“แฟรนไชซี ที่มาร่วมดำเนินธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์กับเรา จะจ่ายค่าแฟรนไชส์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ และผู้ลงทุนจะไม่ถูกหักกำไรจากยอดขาย ผู้ขายจะเป็นผู้ที่ได้รับกำไรเต็มๆ ขอเพียงแค่แฟรนไชซีมีทุนหมุนเวียนประมาณ 300-1,000 บาท/วัน ซึ่งจะส่งผลให้มีกำไรเฉลี่ยเดือนละประมาณ 66,000 – 82,500 บาท โดยขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ซึ่งการขายก๋วยเตี๋ยวจะเป็นอาชีพที่ได้กำไรดีและคืนทุนเร็ว”

 

ความอร่อยไม่ได้อยู่เพียงแค่น้ำซุป

 

นอกจากรสชาติของสูตรก๋วยเตี๋ยวดั้งเดิม ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ยอดเฮง ยังได้เอาใจใส่ในเรื่องของลูกชิ้น และหมูหมัก ที่มีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติให้กับก๋วยเตี๋ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งสูตรดังกล่าวทางร้านจะเป็นผู้สอนสูตรการหมักหมู ส่วนน้ำซุปจะทำเป็นผง และให้ทางแฟรนไชส์ซีไปผสมน้ำเอง ซึ่งตรงจุดนี้ก็เพื่อต้องการให้รสชาติของก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยามีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนลูกชิ้นทางแฟรนไชส์ซอว์ จะเป็นผู้ผลิตเอง จากส่วนผสมที่เป็นเนื้อหมูและเนื้อล้วนๆ โดยไม่ใส่สารหรือวัตถุเจือปนใดๆ โดยจะส่งให้ตามร้านแฟรนไชส์ต่างๆ ประเทศกว่า 300 สาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน

 

จุดประสงค์หลักอยากให้คนมีอาชีพ

 

ถือเป็นนโยบายหลักของทางบริษัทฯ ที่ต้องการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้ที่มีทุนทรัพย์น้อย แต่ต้องการมีกิจการเป็นของตัวเอง โดยที่ผ่านมาได้มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศแล้วกว่า 300 สาขา และตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ครบ 1,000 สาขา ภายในปี 2550 ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีจะคัดเลือก จากผู้ที่มีความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง โดยกำหนดให้เปิดได้อำเภอละ 1 แห่งเท่านั้น แต่หากเป็นอำเภอใหญ่อาจจะให้เปิด 2 แห่งได้ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกันเอง เพราะจะกระทบต่อผลกำไรที่จะๆได้รับของตัวผู้ลงทุน

 

สนใจติดต่อ 0-2755-0526 และ 0-1496-9527

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์