'พีเอฟพี' สบช่องรถเข็นของทอด ลุยแฟรนไชส์กทม. 200 สาขา
'พีเอฟพี' เตรียมเจาะแฟรนไชส์รูปแบบรถเข็นของทอด หลังทดลองทำตลาดเอง10 คันแล้วไปโลด คาดปีนี้ขยายได้ 200 รายในกรุงเทพฯ มุ่งยึดหัวหาดแหล่งชุมชน แย้มอนาคตอาจกระจายบุกหน้าร้านคอนวีเนียนสโตร์ ด้านสาขาต่างจังหวัดขอเริ่มแค่ภาคใต้ก่อน
"ธุรกิจพีเอฟพีเป็นธุรกิจที่เติบโตมาจากตลาดล่าง ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อจะเป็นลูกค้าที่ทำธุรกิจประเภทเสียบไม้ทอด ซึ่งจะมีทั้งลูกชิ้น ไส้กรอก ปูอัด อะไรต่างๆ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อไปเขาไม่มีทางรู้เลยว่าของที่เขากินมาจากเรา ซึ่งเรามีการไปดูตลาดมาแล้วรถเข็นที่ขายตามทั่วไปใช้สินค้าของพีเอฟพีถึง 80% ตรงนี้ทำให้เราคิดว่าควรจะมาทำตลาดรถเข็นไปเลย เพื่อให้คนรู้ว่าสินค้าที่เขากินอยู่มาจากพีเอฟพีและยังเป็นการประชาสัมพันธ์ด้วย" พริษฐ์ อนุกูลธนาการ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด (พีเอฟพี) ผู้นำในการผลิตอาหารแปรรูปแช่แข็งจากปลาทะเล กล่าว
หลังจากที่บริษัทฯทดลองทำตลาดด้วยตนเองไปแล้วประมาณ 2-3 เดือนพบว่า การตอบรับอยู่ในเกณฑ์ดี โดยขณะนี้บริษัทฯ ออกรถเข็นไปทดลองตลาดแล้วประมาณ 10 คันซึ่งพนักงานที่ขายเป็นพนักงานที่บริษัทฯ จ้างมา แต่ก็มีผู้ติดต่อขอเข้ามาเป็นแฟรนไชส์แล้วประมาณ 300 ราย ซึ่งจะมีการขายแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการหลังจากที่บริษัทฯ วางระบบเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการทำตลาด ในช่วงแรกจะเริ่มทำในเขตกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งขณะนี้รถเข็นทั้ง 10 คันอยู่บริเวณพื้นที่แถวลาดพร้าว รามคำแหง คาดว่าหลังจากนี้อีก 3 เดือนบริษัทฯ คงพร้อมจะขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจทั้ง 300 ราย ส่วนการแข่งขันของตลาดของทอดถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง และโตวันโตคืนต้องยอมรับว่าผู้บริโภคคนไทยนิยมทานของทอด ดังนั้นจึงสามารถขายได้ทุกแห่ง
โดยผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์จะ ต้องเสียค่าแฟรนไชส์ ค่ารถเข็น และค่าอุปกรณ์การขายครบชุด 15,000 บาท ซึ่งผู้ขายสามารถหาซื้อสินค้าเพื่อมาจำหน่ายได้ตาม ตลาดสดซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีการอบรมเทคนิคการทอดให้กับแฟรนไชซีทุกราย พร้อมทั้งลงทะเบียนรถเข็นไว้หากรถเข็นมีปัญหาหรือป้ายชำรุดบริษัทฯ จะรับผิดชอบในการซ่อมแซมให้
ส่วนระดับราคาในการขายสินค้าขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของ แต่ละพื้นที่และปริมาณของสินค้าต่อไม้ เนื่องจากบริษัทฯ จะส่งสินค้าให้ในปริมาณเป็นกิโลกรัมเพื่อให้ผู้ขายไปเสียบไม้เอง แต่บริษัทฯ จะมีการกำหนดระดับราคาพื้นฐานเอาไว้ที่ 10-15 บาท โดยแฟรนไชซีสามารถรับสินค้าประเภทอื่นที่บริษัทฯ ไม่ได้ผลิตมาขายได้ เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น ฯลฯ แต่จะต้อง เป็นสินค้าของบริษัทในรถเข็น 60-70% ส่วนสินค้าประเภทอื่น 30-40%
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า แฟรนไชซียังมีโอกาสในการได้ขายสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ก่อนผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งบริษัทฯ จะให้สินค้าทดลองขาย1-2 กิโลกรัม โดยแต่ละปีบริษัทฯ จะมีการออกสินค้าใหม่ให้กับแฟรนไชซี 4-5 ตัวซึ่งเป็นสินค้าประเภทซีฟู้ดทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีสูตรน้ำจิ้มมาตรฐานสำหรับให้ผู้ขายผลิตเอง
คาดว่าปีนี้จะมีรถเข็นพีเอฟพีออกสู่ตลาด 200 คัน เนื่องจากพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีขนาดใหญ่ โดยทำเลหลักที่เหมาะสำหรับการขายจะเป็นตามแหล่งชุมชน หมู่บ้าน ตลาดสด หน้าโรงเรียน มหาวิทยาลัย และในพื้นที่ออฟฟิศ สำนักงานต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ จะมีทีมงานเข้าไปช่วยดูในเรื่องของทำเลให้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตบริษัทฯ จะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังหน้าร้านคอนวีเนียนสโตร์ เนื่องจากขณะนี้มีคอนวีเนียนสโตร์ต้องการที่จะขายของทอดด้วย แต่ไม่สามารถขายในร้านได้ จึงอยากขยายมาที่หน้าร้านแทน
สำหรับการขยายตลาดไปต่างจังหวัด บริษัทฯ คงไม่ขยายสาขาทั่วประเทศ แต่จะเริ่มในปีนี้จะเริ่มจากการไปภาคใต้จังหวัดสงขลาก่อน เนื่องจากโรงงานของบริษัทฯ อยู่ที่นั่น ซึ่งขณะนี้เริ่มนำไปทดลองขาย 2-3 แห่งแล้ว ตามหน้าร้านอาหารต่างๆ
15,000 บาทเปิดแฟรนไชส์รถเข็น 'พีเอฟพี'
1.ค่าแฟรนไชส์ รถเข็น และอุปกรณ์ 15,000 บาท
2.บริษัทฯ มีการดูแลเรื่องของอิมเมจของรถเข็นให้
3.มีการอบรมการทอดให้กับแฟรนไชซีทุกราย
4.ช่วยดูในเรื่องของโลเคชั่นการขายให้กับแฟรนไชซี
5.สามารถได้สินค้าใหม่จำหน่ายก่อนผู้ประกอบการรายอื่น
6.ได้รับสินค้าตัวอย่างมาจำหน่ายฟรี 1-2 กิโลกรัม
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์