Long Tail Keyword คือ คีย์เวิร์ด หรือคำค้นหา ซึ่งมีความยาวตั้งแต่ 3–5 คำ ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดหลัก (หรือคีย์เวิร์ดกว้าง ๆ ไม่เจาะจง) กับคำอื่น ๆ ซึ่งทำให้การค้นหามีความเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เมื่อเสิร์ชแล้วจึงเจอสิ่งที่ต้องการได้ง่ายกว่าเดิม และยังทำให้เว็บติดอันดับ SEO สูง ๆ ได้ไม่ยากด้วย

ทำไม Long Tail Keyword ถึงน่าใช้

- คู่แข่งน้อย ทำให้มีโอกาสติด SEO อันดับสูง ๆ ได้ง่าย
- Conversion สูง ผู้ที่เสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ดแบบยาว มักมีความสนใจในสินค้าหรือบริการบางอย่างอยู่แล้ว
- สอดคล้องกับการหาข้อมูลของคนทั่วไป ผู้คนมักถามคำถามที่ละเอียดหรือมีความเจาะจงสูง
- เป็น Keyword ที่ Google ให้ความสำคัญ

ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับการใช้ Long Tail Keyword ในการทำ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

Long Tail Keyword กับการทำ SEO ในอนาคต
ในอนาคต Google มีแพลนจะเปิด Search Generative Experience หรือ SGE ให้ทุกคนใช้งาน

โดย SGE เป็น AI ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาง่ายขึ้น เพราะแทนที่จะต้องกดอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ AI จะไปรวบรวมข้อมูลจากเว็บต่าง ๆ มาสรุปให้เราอ่านในหน้าแสดงผลการค้นหา พร้อมกับให้เครดิตว่าเอาข้อมูลมาจากเว็บไหนบ้าง

และอย่างที่เข้าใจ SGE จะทำให้จำนวนคนที่คลิกดูข้อมูลจากเว็บไซต์ลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ที่แบรนด์ได้จากเว็บของตัวเองด้วย

และ 1 ในวิธีที่ “คาดว่า” จะรับมือกับ SGE ได้ คือการแทรก Long Tail Keyword เข้าไปในเว็บไซต์ เนื่องจาก Long Tail Keyword อาจช่วยเพิ่มโอกาสให้ SGE ดึงข้อมูลจากเว็บของคุณ ไปสรุปให้ผู้ใช้งาน Google อ่าน พร้อมทั้งให้เครดิต โดยการทำแบบนี้ จะเรียกว่าเป็นแนวทางทำ SEO ในอนาคตก็คงไม่ผิด

นอกจากนี้ ถ้าข้อมูลที่ SGE สรุปให้ยังไม่ตรงใจ ผู้ใช้งาน Google จะเลือกหาข้อมูลจากเว็บไซต์แทน ซึ่งเว็บที่แทรก Long Tail Keyword ไว้ มีแนวโน้มจะตอบโจทย์ผู้ใช้งาน Google มากกว่า และทำให้พวกเขาสนใจคลิกอ่านมากกว่าด้วย

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

อ่านเพิ่มเติม: https://thetepco.com/long-tail-keyword/#

บทความอื่น ๆ : https://thetepco.com/?s=SEO

บริการรับทำ SEO สายขาว: https://thetepco.com/seo/

SEO Tools จะช่วยให้เราวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การทำ SEO ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสติด SEO หน้าแรกมากขึ้น

1. Ahrefs
Ahrefs เป็นเครื่องมือทำ SEO ยอดนิยม สามารถใช้งานได้ทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรี โดยแบบฟรีนั้น เราขอบอกว่าไม่ได้แย่เลย เพราะมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้มากมาย เช่น Free Keyword Generator สำหรับหา คีย์เวิร์ด ที่เหมาะสม

2. Moz
Moz เป็น SEO Tools ซึ่งมีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี โดยฟีเจอร์แนะนำสำหรับ Moz แบบฟรี ที่เราแนะนำ มี Domain Analysis, Keyword Explorer, Competitive Research, Link Explorer

3. SEOquake
SEOquake เป็น Extension สำหรับวิเคราะห์เว็บไซต์แบบเต็มรูปแบบ โดยหลังจาก Installed แล้ว คุณสามารถใช้ SEOquake ดูข้อมูลเหล่านี้ของเว็บที่กำลังเข้าอยู่ได้

4. PageSpeed Insights
ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ Google ใช้จัดอันดับ SEO โดย PageSpeed Insights สามารถบอกความเร็วของเว็บไซต์ได้ว่าไวแค่ไหน โดยแบ่งความเร็วเว็บไซต์เป็นค่าย่อย ๆ

5. Google Search Console
Google Search Console (GSC) เป็น SEO Tools ฟรี จาก Google ซึ่งต้องลงทะเบียนก่อนถึงจะใช้ได้ โดย GSC ใช้วิเคราะห์และดูรายงานการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic Search แบ่งตามรายหน้า รายคีย์เวิร์ด รายประเทศ และรายอุปกรณ์

SEO Tools มีความสำคัญไม่น้อยต่อการทำ SEO และการใช้เครื่องมือเพียง 1-2 ตัว ก็ไม่สามารถทำให้กลยุทธ์ SEO ของคุณประสบความสำเร็จได้

และถ้าคุณจ้างเราทำ SEO ให้ เอเจนซี่ รับทำ SEO สายขาว ของเราจะใช้เครื่องมือมากกว่า 5 ตัวข้างบน เพื่อให้การวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณเป็นไปอย่างละเอียดที่สุด จนเห็นทุกข้อบกพร่องหรือจุดที่สามารถปรับปรุงได้

ปี 2024 กำลังใกล้เข้ามา และหลายคนคงเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับ การทำ SEO 2024  กันบ้างแล้ว

ซึ่งจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ดูเหมือนว่า เทรนด์ SEO ของปีหน้าจะต่างจากของปีนี้ไม่มากเท่าไหร่ กล่าวคือ เรื่องที่สำคัญจะยังสำคัญเหมือนเดิม ส่วนอะไรที่สมควรทำก็ต้องทำกันต่อไปยาว ๆ

1. AI

เรื่องนี้ คิดว่าหลายคนคงพอเดาได้อยู่แล้ว เพราะ AI เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในปี 2023
และในปี 2024 AI จะมีบทบาทมากขึ้นกับ การทำ SEO ติดหน้าแรก ในแง่มุมต่อไปนี้

การทำความเข้าใจ Search Intent

การสร้าง Personalized User Experience

ตรวจจับ Spam

การทำ Link Building

ยังไม่พอ ในอนาคต Google ยังมีแพลนจะปล่อยฟีเจอร์ AI อย่าง Search Generative Experience (SGE) ให้ทุกคนใช้งานกันด้วย

------------------------------------------

2. Voice Search

SEO 2024 จึงต้องโฟกัสกับ Voice Search มากขึ้นด้วย การทำ SEO โดยใช้ Keyword ที่เป็นคำถาม หรือ Keyword ที่ใกล้เคียงกับประโยคที่คนนิยมเสิร์ชด้วยเสียงในชีวิตจริง

------------------------------------------

3. User Experience

ในปี 2024 คาดว่า User Experience จะยังคงมีความสำคัญต่อการดันลำดับเว็บไซต์ต่อไป และที่คุณต้องทำ (หรือถ้ากำลังทำอยู่แล้วจะดีมาก)
คือการทำให้เว็บไซต์​โหลดเร็ว ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานบนมือถือ (Mobile Friendly)

------------------------------------------

4. Topical Authority

Topical Authority (หรือความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของเว็บไซต์) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ Google ใช้จัดอันดับ SEO ของเว็บแต่ละเว็บ

โดยการเพิ่ม Topical Authority ของเว็บไซต์ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น เขียนคอนเทนต์ EEAT, ใส่ Source ข้อมูลในคอนเทนต์,เผยแพร่คอนเทนต์เป็นประจำ, โปรโมต Content ของตนเองบนโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์อื่น ๆ, ทำ Backlink จากเว็บที่มีค่า Domain Authority หรือ DA สูง

------------------------------------------

5. Answer Engine Optimization

เทรนด์ SEO สุดท้ายที่คาดว่าจะบูมในปี 2024 คือ Answer Engine Optimization หรือ AEO

คำ ๆ นี้ (ซึ่งบ้านเราไม่พูดถึงกันสักเท่าไร) หมายถึงการเขียนคอนเทนต์ให้กระชับ เข้าใจง่าย เพื่อให้ AI อย่าง ChatGPT, Google Bard หรือ Bing Chat ดึงไปตอบคำถามและให้เครดิต

-----------------------------------------

และเหล่านี้ ก็คือเทรนด์การทำ SEO ที่คาดว่าจะบูมในปีหน้า และถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม ละเอียดกว่าเดิม ดีเทลมากขึ้นก็สามารถอ่านได้จาก https://thetepco.com/seo-trends-2024/