หลายคนอาจจะเคยคิดหากเราเป็นธุรกิจเล็กๆ จะหาที่ยืนอยู่บนสนามรบทางธุรกิจในโลกปัจจุบันได้อย่างไร ? เป็นคำถามที่ผู้ประกอบการหลายๆคนต้องการคำตอบ เพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้กับอำนาจทุนนิยมในปัจจุบัน …อาจจะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินความสามารถ ขอเพียงแต่ให้เรามี “จุดยืน” ที่ชัดเจนและต้อง “แตกต่าง”
 

www.ThaiFranchiseCenter.com อยากให้ธุรกิจมีเอกลักษณ์ในตัวเองเพื่อให้การแข่งขันนั้นต่อสู้กันด้วยคำว่าคุณภาพไม่ใช่การหั่นราคาเพื่อให้ต่ำกว่าคู่แข่งเพียงอย่างเดียว

ที่สำคัญการเลือกเจาะตลาดก็เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้โดยเฉพาะคำว่า ตลาดเฉพาะกลุ่ม(Niche Market) ที่เป็นกลยุทธ์มุ่งหากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและความต้องการแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง การทำตลาดเฉพาะกลุ่มนั้นถือเป็นกลไกที่จะทำให้ธุรกิจฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆให้ผ่านไปได้

การทำ Niche Market สามารถช่วยประหยัดทรัพยากรในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กำลังคนหรือเงินทุน เนื่องจากการจับกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างจะทำให้เราต้องหว่านกำลังคนและเงินทั้งหมดไปในจุดต่างๆ

โดยที่ได้ผลกลับมาไม่เต็มที่ แต่ถ้าเรานำคนและเงินทุนที่มีจำกัดไปใช้กับลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ก็จะสามารถทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่ในการศึกษาพฤติกรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ 
 

อีกประการหนึ่งคือ Niche Market มักทำให้มีคู่แข่งในตลาดน้อย หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้เพราะขนาดตลาดเล็กเกินไป จึงไม่ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ๆ เข้ามา ดังนั้นหากเราสามารถค้นพบตลาดส่วนนี้และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ก่อน เราก็มีโอกาสเป็นผู้นำในตลาดได้โดยง่าย 
 

แต่ทั้งนี้คำว่าตลาดที่เล็กแต่ต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้พิจารณาได้จาก 3 สิ่งสำคัญคือ เป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงได้จริง , สามารถขยายตัวได้เร็วและมีกำลังซื้อเหมาะสม , ไม่ถูกครอบงำโดยผู้ขายรายใดรายหนึ่ง

1.การสร้างเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อแสดงให้กลุ่มผู้บริโภครับรู้ว่าเรามีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างแท้จริง และมีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะให้ผู้บริโภคไว้วางใจได้
 

2.การเขียนบล็อกเพื่อสร้างความฮือฮา ในโลกออนไลน์การจะเป็นกูรูสักอย่างเราต้องมีการเคลื่อนไหวและแสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้ที่จะนำเสนอให้ผู้ที่สนใจเราอาจไม่นำเสนอสินค้าโดยตรงแต่เขียนในแนวให้ความรู้เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่เรามีก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่สูงในระดับหนึ่งทีเดียว

 

3.การเขียนหนังสือดีๆขึ้นมาสักเล่ม เพื่อพลิกให้เรากลายเป็นผู้นำได้อย่างสมบูรณ์แบบคำว่าหนังสือเหมือนเป็นนามบัตรที่ทำให้คนอ่านรู้สึกทึ่งและอึ้งไปกับความรู้ที่คุณมีและอยากใช้สินค้าหรือบริการของคุณมากขึ้นด้วย

 

4.การเข้าร่วมกลุ่มสำคัญๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่คุ้นเคยนักสำหรับบางคนแต่เชื่อเถอะว่าการเข้าสังคมในลักษณะนี้จะเหมือนเป็นการการันตีว่าคุณก็มีดี มีความเป็นมืออาชีพ ยิ่งโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพกิจกรรมในงานออกไปมากเท่าไหร่คุณเองก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้นด้วย
 

5.หาเวลาเพื่อการสร้างสรรค์ไอเดียที่แปลกใหม่  คำว่าธุรกิจที่ดีที่คนอยากจะจดจำต้องมีความแปลกแหวกแนว แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาจากไอเดียที่ดี

ดังนั้นการจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พบกับเรื่องราวใหม่ๆ หรืออยู่กับตัวเองสักพักเพื่อลำดับความคิดให้เกิดไอเดียที่แตกต่างอาจจะไม่ต้องทำแบบนี้ทุกวันแค่สัปดาห์ละครั้งที่ลองจัดระเบียบความคิดอาจทำให้เกิดสีสันใหม่ในธุรกิจที่ทำอยู่ก็เป็นไปได้

1.ร้าน LadyFatShop ที่ขอจับกลุ่มผู้หญิงตัวใหญ่หรือไซส์ยักษ์เป็นหลัก ธุรกิจนี้เปิดในปี 2550 เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์จนในปัจจุบันมียอดขายที่ 4 ล้านบาทต่อปี

จุดเริ่มมาจากเจ้าของร้านที่เป็นคนตัวใหญ่หาเสื้อผ้าใส่ยาก ในเมื่อหาไม่ได้ก็เลยคิดทำขายให้กับคนที่มีปัญหาเดียวกันนี้ซะเลย

ในช่วงแรกมีปัญหามากมายแต่การสร้างแบรนด์ที่ถูกทางทุกวันนี้สามารถจำหน่ายเสื้อผ้าไซส์ยักษ์ได้ทั้งหน้าร้านประมาณ 20% อีกกว่า 80% มาจากอินเทอร์เน็ต ถือว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบแท้จริง
 

2. Southwest Airline สายการบินต้นทุนต่ำที่ขอจับกลุ่มผู้โดยสารที่ต้องการตั๋วโดยสารราคาถูกและไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการบริการมากนัก

ดังนั้นสายการบินจึงไม่มีการเสิร์ฟอาหารหรือบริการพิเศษอื่นๆ รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆที่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน

ทำให้สามารถเสนอขายตั๋วในราคาต่ำได้ จนได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสายการบินรายหนึ่งที่ลูกค้ามีความพึงพอใจและผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเสมอมา ถึงแม้จะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจก็ตามที

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ไม่ควรทำในตลาดเฉพาะกลุ่มก็คือ กลยุทธ์ด้านราคา อย่าใช้ราคาต่ำในการแข่งขันเป็นอันขาด เพราะถ้าเราไม่ได้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำจริงๆ ก็เหมือนกับการต่อสู้ในสนามรบที่รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ การขายสินค้าราคาถูกในตลาด Niche Market มักจะไม่ได้กำไร

รวมถึงไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าใดๆ เลย ลูกค้ามาซื้อก็เพราะราคาถูกเพียงอย่างเดียว ดังนั้น แทนที่เราจะเน้นในเรื่องของการประหยัดต้นทุน หรือการผลิตให้ได้จำนวนมากๆ ก็ควรหันมาใช้แนวทางการเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือบริการให้มากขึ้น ทำของดีออกมาขายในราคาที่คุ้มค่า และหาทางสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบยั่งยืนจะดีที่สุด
 

เรียบเรียงโดย ThaiFranchiseCenter.com