มหาวิทยาลัยคริสเตียน เป็นสถานศึกษาในสังกัดมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มมิชชันนารีชาวอเมริกันได้วางรากฐานสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่การก่อตั้งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และต่อยอดมาถึงมหาวิทยาลัยคริสเตียน ในปี พ.ศ. 2526 ในชื่อแรกจัดตั้งว่า “วิทยาลัยคริสเตียน”
เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2526 เปิดดำเนินการสอนปีการศึกษา 2527 ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตเป็นหลักสูตรแรก เพื่อผลิตบัณฑิตพยาบาลโดยมีที่ทำการอยู่ในโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน กรุงเทพมหานคร
ต่อมาในปีการศึกษา 2539 ได้ก่อสร้างที่ทำการถาวร และย้ายมาตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และในปีการศึกษา 2544 ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานภาพเป็น "มหาวิทยาลัยคริสเตียน" เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2544 และปีการศึกษา 2549 ได้รับอนุญาตให้จัดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษาและระดับปริญญาตรีบางสาขาวิชาที่ ศูนย์ศึกษาสยามคอมเพล็กซ์ กรุงเทพมหานคร
ปรัชญามหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยคริสเตียนสังกัดมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย เป็นองค์กรที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร และมีเป้าประสงค์เพื่อแสดงความรักความเชื่อ และความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทรงสอนให้มนุษย์รักและบริการซึ่งกันและกัน เพื่อสันติสุขของมวลมนุษย์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานและคุณภาพ ในการ จัดการเรียนการสอนระดับนานาชาติ การทำวิจัย การให้บริการวิชาการ
แก่ชุมชนและสังคมรวมทั้งการมีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดคุณค่า และความยั่งยืน บนพื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง บรรษัทภิบาล และการเป็นมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพ
มหาวิทยาลัยคริสเตียน ยึดมั่นใน “รักและบริการ” ที่เป็นเลิศ ในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ระดับนานาชาติ มีคุณธรรมตามหลักคำสอนของคริสตศาสนา มีทักษะการสื่อสารภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ อย่างมีประสิทธิผล มีทักษะการผลิตและหรือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะทางวิชาการ ทักษะการทำวิจัย และการสร้างนวัตกรรม และชำนาญในการปฏิบัติวิชาชีพ มีจิตสำนึกในการให้บริการที่เป็นเลิศ มีสุขภาวะ สามารถประกอบการอิสระ มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง บนพื้นฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาไทย มีการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สู่การเป็นพลโลกที่มีคุณค่าและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในประชาคม โลกได้