ครั้งแรกที่ "โอเลย์" สกินแคร์จากค่ายพีแอนด์จีเข้ามาในตลาดเมืองไทยมีชื่อว่า “ออย ออฟ อูลาน”
ก่อนเปลี่ยนเป็น “ออย ออฟ โอเลย์” และ “โอเลย์” ในปัจจุบัน และกลายมาเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแทน "พอนด์ส" ของยูนิลีเวอร์ ตั้งแต่ปลายปี 2548 ด้วยมาร์เก็ตแชร์รวมกว่า 34% จากตลาดรวมมูลค่า 6,400 ล้านบาท
กว่าจะโค่นบัลลังก์ที่หนึ่งได้ โอเลย์ผ่านการทำการบ้านอย่างหนัก โดยเริ่มโฟกัสจากตลาด Anti-Agingจนผลักดันให้โอเลย์ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในเซ็กเม้นต์นี้จากแคมเปญโฆษณาในรูปแบบเพื่อนบอกเพื่อน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความไว้ใจและกล้าทดลองใช้สินค้า อีกทั้งการนำพรีเซ็นเตอร์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมาทำหน้าที่สื่อสารโดยเฉพาะด้วย เช่น การนำคาร่า มาเป็นตัวแทนของสาววัย 40 ปี ให้กับ "โอเลย์ รีเจอเนอรีส" หรือ นัท มีเรีย เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ "โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็คส์" เพื่อเน้นกลุ่มคนทำงาน
ขณะเดียวกันได้ส่ง "โอเลย์ โททัลไวท์" เจาะตลาดแมสและเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคต่างจังหวัดเข้าถึงได้ดังจะเห็นจากการเปิดตัว ยุ้ย - จีระนันท์ มโนแจ่ม เป็นพรีเซ็นเตอร์สะท้อนในคอนเซ็ปต์ "รู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่า" ได้เป็นอย่างดี หรือการงัดกลยุทธ์ไซส์ซิ่งออกมาจับกลุ่มที่มีกำลังซื้อจำกัด ขนาด 20 กรัม 20 บาท
โอเลย์ยังมีผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งอีกกลุ่มหนึ่งไว้รองรับตลาดในกรุงเทพฯ ภายใต้แบรนด์ "โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์" ที่ล่าสุดมีการปรับสูตรใหม่เป็น "โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ อินเทนซีฟ ครีม" เพื่อเจาะลูกค้าสาวอายุ 24 - 30 ปี พร้อมทั้งยกระดับให้เป็นแบรนด์พรีเมียมโดยให้ 3 สาว นาตาลี-ณัฏฐินี เจียรวนนท์ , ไหม-วิสา สารสาส และแอม-สุทธิกานต์ หวังเจริญทวีกุล มาเป็นทูตความงามร่วมท้าพิสูจน์ประสิทธิภาพ (อ่านเพิ่มในพีแอนด์จี)