คุณวรพล บัวแก้ว เจ้าของธุรกิจลังกระดาษอัดนำเข้าจากต่างประเทศ เล่าถึงเส้นทางการค้าขายของเขาให้ฟังว่า  เดิมทีเขาทำงานประจำ เป็นพนักงานบริษัทอยู่หลายปี กระทั่งลาออกจากงานมาเพื่อประกอบอาชีพค้าขายเพราะถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งจุดเริ่มต้นในการนำสินค้าชนิดนี้มาขายนั้นไม่ใช่ไอเดียของเขา แต่เป็นไอเดียของลูกชายที่กำลังศึกษาอยู่ในคณะโลจิสติกส์  ซึ่งลูกชายมีความรู้เกี่ยวกับการขนส่งจึงทำให้ได้ไปรู้จักกับสินค้าชนิดนี้เข้า เพราะมันถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศผ่านการขนส่งทางเรือนั่นเอง

พี่วรพลเล่าถึงการลงทุนว่า ครั้งแรกสำหรับการลงทุนนั้นใช้เงินในจำนวนหลักพัน โดยการไปรับสินค้าจากเรือที่บรรทุกสินค้าเข้ามาทางน้ำ ซึ่งจะเข้ามาในช่วง 1- 3 เดือนต่อครั้งเท่านั้น โดยถังกระดาษอัดที่ไปรับมานั้นมากจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากจีน มาเลยเซีย  หรืออเมริกา ซึ่งเป็นสินค้าที่ค่อนข้างได้คุณภาพและใช้วัสดุที่คงทนในการทำ

 
เมื่อนำมาวางขายนั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะสินค้าของเขาไม่เหมือนผู้ค้าเจ้าอื่นๆ ในตลาด และผู้ค้าเจ้าอื่นๆ ไม่สามารถนำมาขายได้ เพราะน้อยคนนักที่จะรู้จักแหล่งรับซื้อในราคาถูกแบบเขา

อีกทั้งสินค้าชนิดนี้ยังเป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คนอีกด้วย โดยเขาเล่าว่า ในแต่ละเดือนของการค้าขายนั้น เขาขายถังกระดาษอัดได้ไม่ต่ำกว่า 100 ใบ รายได้ที่ได้รับนั้นคิดเป็น 30-40 % จากต้นทุน โดยตลอดระยะเวลาที่ขายมาเกือบ 1 ปีนั้น มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจรที่แวะเวียนมาซื้อสินค้าอย่างไม่ขาดสาย

พี่วรพลบอกว่า ถังกระดาษอัดของเขานั้นไม่ใช่สินค้าที่สิ้นเปลืองแต่อย่างใด เพราะมันใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้นั่ง ใช้ตกแต่งประดับบ้าน หรือใช้เป็นลังสำหรับเก็บของที่ไม่ใช้แล้วไม่ให้เกะกะ ซึ่งที่ผ่านมานั้น บรรดาร้านเหล้าต่างๆ ได้มาซื้อไปประดับตกแต่งร้านเป็นจำนวนมาก เพราะทำให้ร้านดูโดดเด่นมีสไตล์ 


รวมถึงนำมาใช้แทนชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งดื่มหรือสังสรรค์ เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการซื้อชุดโต๊ะที่ทำจากวัสดุอื่นๆ ซึ่งแพงกว่ามาก และนอกจากจะเป็นที่ต้องการของร้านเหล้าและผู้คนที่มาเดินจับจ่ายในตลาดแล้ว บรรดาพ่อค้าแม่ขายแผงต่างๆ ในตลาดก็ยังมาอุดหนุนเขากันแทบทุกร้าน เพราะพวกเขานำไปใช้แทนเก้าอี้สำหรับนั่งขายของ และใช้วางโชว์สินค้ากันนั่นเอง
 
สินค้าของพี่วรพลนั้นมีหลายขนาดให้ได้เลือกสรร ไม่ว่าจะขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ สามารถนำไปใช้ได้ทุกโอกาสเลยทีเดียว แต่เมื่อถามว่าสินค้าไซส์ไหนที่ขายดีที่สุดนั้น เขาตอบว่าเป็นไซส์เล็ก เพราะจะดูแปลกตาที่สุด มีน้ำหนักเบา และสามารถหยิบจับเคลื่อนย้ายได้สะดวก ซึ่งราคาขายนั้นขึ้นอยู่กับขนาด ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 100 บาท ซึ่งเขาเป็นพ่อค้าใจดีที่สามารถต่อรองราคากันได้เสมอ 

และถึงแม้ว่าถังกระดาษอัดของเขาหากมองจากภายนอกอย่างผิวเผินนั้นจะดูเรียบง่ายไร้การตกแต่งใดๆ แต่ก็ยังสามารถขายได้เรื่อยๆ


พี่วรพลบอกว่า ที่ผ่านมานั้นเคยคิดที่จะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของตัวเองด้วยการออกแบบตกแต่งลวดลายต่างๆ ลงไปบนตัวสินค้าเช่นกัน แต่เมื่อนำไอเดียไปเสนอกับทางตลาดที่ขายอยู่นั้น ทางตลาดไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้ราคาของสินค้าสูงขึ้นไปกว่าเดิมจนลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ลำบาก บวกกับความคิดที่เขามาตระหนักได้ในภายหลังว่า บางครั้งการใส่ไอเดียออกแบบลงไปอาจจะไม่ได้ตรงใจลูกค้าทุกกลุ่ม เพราะแน่นอนว่าไอเดียของเขากับความชอบของลูกค้านั้นต้องมีบ้างที่ไม่เหมือนกัน

เขาจึงต้องพับแผนการนี้และขายสินค้าในรูปแบบเดิมที่เรียบง่ายในสไตล์ดิบๆ ไปก่อน แต่ในอนาคตก็วางแผนไว้อีกเช่นกันว่าจะรับออกแบบตามสั่งเป็นออร์เดอร์ๆ ไป เพื่อเพิ่มยอดขายและพัฒนาสินค้าให้ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม


ปัจจุบัน พี่วรพลบอกว่าเขามีความสุขกับอาชีพค้าขายอย่างมาก แม้ที่ผ่านมาอาจจะพบเจอกับอุปสรรคทางธุรกิจอย่างปัญหาของพิษเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ยังไม่ทำให้ถึงขั้นขาดทุน หรือในบางครั้งอาจจะต้องเผชิญกับภาวะรายรับไม่พอกับรายจ่ายบ้าง แต่เขาก็สามารถดำเนินธุรกิจมาได้ ซึ่งนับว่าธุรกิจการขายถังกระดาษอัดนั้นเป็นธุรกิจซื้อมาขายไปที่ค่อนข้างลงตัว และเป็นธุรกิจที่ทำให้เขาสามารถดำรงชีวิตได้ดีในปัจจุบันเลยทีเดียว

ThaiFranchiseCenter.com หวังว่า เรื่องราวของพี่วรพล จะเป็นประโยชน์ให้กับพ่อค้าแม่ขายที่กำลังจะลงสนามค้าขาย ได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกสินค้ามาขายในแบบที่เรียกว่า “ซื้อมาขายไป” ซึ่งทำกำไรดีได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

ลิขสิทธิ์บทความ โดยทีมงาน ThaiFranchiseCenter.com