บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
2.6K
4 นาที
17 พฤศจิกายน 2558
14 คำถามที่ถูกถามบ่อยเรื่องแฟรนไชส์


14.ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ?

1. ทำตามกฎ  ผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่ล้มเหลวส่วนมากก็คือผู้ที่แหกกฎ  คือ  ไม่เดินตามกติกามาตรฐานที่ตั้งเอาไว้เช่น  สมมุติเปิดร้านแฟรนไชส์ฟ้าสฟู้ด  แต่เห็นว่าส้มตำไก่ย่างขายดี  ก็เอาเข้ามาขายในร้านด้วย  ทำให้ผิดคอนเซ็ปท์และไม่ประสบความสำเร็จในที่สุด  อย่างนี้เป็นต้น  ดังนั้นขั้นแรกของการทำแฟรนไชส์ให้สำเร็จก็คือการทำตามระบบที่พิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างตั้งใจ  ซึ่งจะมีโอกาสได้รับความสำเร็จมากกว่าการติดทำอะไรใหม่ๆเอง  หรือกรณีที่คิดสิ่งก็ควรมีการปรึกษากับบริษัทแม่ก่อน

2. ลงมือทำเอง  ผู้ซื้อแฟนรไชส์จำนวนมากลงทุนซื้อแฟรนไชส์เพราะมีเงินเมื่อซื้อไปแล้วก็จ้างคนมาทำหรือให้ญาติพี่น้องมาทำ  แต่สถิติของผู้ที่ทำแฟรนไชส์ได้ดีกว่าจะเป็นเจ้าของลงมือทำเอง

3. ตั้งใจจริง  ความสำเร็จของธุรกิจทุกชนิด  จะประสบความสำเร็จได้ก็เพราะมีความตั้งใจจริง  และรักการทำธุรกิจนั้นๆ  ซึ่งจะทำให้มีความอดทนในการเอาชนะอุปสรรค  เช่นเดียวกับธุรกิจแฟรนไชส์  ถึงแม้ว่าบริษัทแม่จะช่วยสนับสนุนก็ตาม  แต่ก็ย่อมต้องใช้ความพยายามและความเอาจริงเอาจัง  ธุรกิจจึงจะอยู่รอดได้

4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ผู้ที่มีนิสัยมองโลกในแง่ร้ายหรือเป็นคนขวางโลกอาจไม่เหมาะกับการทำแฟรนไชส์เพราะจะทำให้การทำร่วมทีมเป็นปัญหาการทำธุรกิจในนี้  มีจุดที่เปราะบางที่อาจแตกหักได้ง่าย  ลักษณะชองการมีทัศนคติในเชิงบวกจะช่วยให้ปัญหาผ่านพ้นไปได้เพราะหลายครั้งที่การแยกทางกันเกิดขึ้นจากนิสัยส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ  ทั้งๆที่กิจการกำลังทำเงิน

5. มีวินัยทางการเงิน  ประกอบการหลายคนที่มีครบทั้ง 5ข้อ  ที่กล่าวมา  แต่ปรากฏว่า มีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  ทำให้ขาดเงินในการทำธุรกิจต่อ  ทำให้กิจการต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย

 
13.คนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วทำสำเร็จมีอยู่กี่ราย?


ตอบ  ยังไม่มีการสำรวจเรื่องนี้อย่างชัดเจน  แต่ถ้ามีโอกาสเหมาะนิตยสารโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์จะทำการสำรวจเรื่องนี้อย่างจริงจังรวมทั้งเรื่องอื่นๆที่คนกำลังสนใจด้วย

12.ปัญหาของธุรกิจแฟรนไชส์คืออะไร?

ตอบ  ปัญหาที่พบมากที่สุดในเรื่องของแฟรนไชส์ก็คือ

1. ความเข้าใจผิดของผู้ซื้อแฟรนไชส์

คิดว่าเมื่อซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วบริษัทแม่จะต้องทำกำไรให้เหมือนกับการเล่นหุ้น  ที่จะต้องได้รับเงินปันผลแน่ๆ  โดยไม่ต้องทำอะไรมาก  ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดมากที่สุดที่จริงแล้วการซื้อแฟรนไชส์นั้นจะเหมือนกับการซื้อความรู้ในการก่อตั้งกิจการนั้นๆ  เสมือนกับว่าสมัยก่อนมีการสืบทอดกิจการโดยผ่านลูกหลานและเครือญาติ  แต่แฟรนไชส์จะเป็นการถ่ายทอดไปสู่คนที่ไม่รู้จักให้ก่อตั้งธุรกิจและดำเนินการไปได้โดยมีค่าตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เป็นการแลกเปลี่ยน

     ดังนั้นการซ้อแฟรนไชส์จะสำเร็จได้กำไรหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการเอง  เมื่อได้รับความช่วยเหลือจนก่อตั้งกิจการและดำเนินไปได้แล้ว  แต่จะได้กำไรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความขยันความเอาใจใส่ของผู้ซื้อแฟรนไชส์เท่านั้น


2. การพูดถึงจุดคุ้มทุน


ผู้ที่ขายแฟรนไชส์ส่วนมากตอนที่เสนอขายแฟรนไชส์มักจะโฆษณาชวนเชื่อว่า 1 ปีคือทุน หรือไม่กี่เดือน ก็จะคืนทุนแล้วเพื่อทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ตัดสินใจง่ายขึ้นแต่สิ่งนี้คือปัญหาเพราะความจริงแล้วไม่มีใครจะล่วงรู้เหตุการณ์ณ์ในวันข้างหน้าได้ซึ่งในต่างประเทศ ที่มีกฎหมายเกี่ยวกับแฟรนไชส์ห้ามพูดถึงการคืนทุนเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

3. ก่ารเลือกแฟรนไชส์ซี่ผิด

มีแฟรนไชส์จำนวนมากที่เร่งการขายแฟรนไชส์เพื่อเปิดสาขาให้ครอบคลุมตามแผนหรือต้องการเงินก้อนจากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์  แต่ต่อมาพบว่าผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์บางคนไม่เหมาะสมกับการทำธุรกิจนั้นหรือไม่เอาใจใส่ในการดำเนินการจริง  ทำให้การทำแฟรนไชส์ต้องถอยหลังไปที่จุดตั้งต้น  โดยการกำหนดคุณสมบัติที่มีแนวโน้มว่า  จะเป็นคนที่ต้องการทำจริงมากกว่า  แต่มีเงินมาซื้อแฟรนไชส์เท่านั้น

4. การมุ่งรายได้จากค่าแฟรนไชส์ฟี

หรือค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่เก็บมักจะเป็นหลักหมื่นและหลักแสน  ซึ่งทำให้เป็นจุดจูงใจให้บางคนมุ่งหวังรายได้ตรงนี้  โดยปราศจากความแข็งแกร่งของธุรกิจและไม่มีระบบงาน และระบบการให้การสนับสนุนที่ดีกับแฟรนไชส์ซี่  คนกลุ่มนี้ทำให้ระบบของธุรกิจแฟรนไชส์ไม่น่าเชื่อถือยังมีปัญหาข้ออื่นๆอีก  แต่ที่นำเสนอนี้ จะพูดถึงเฉพาะในประเด็นที่สำคัญ

 
11.จะเลือกซื้อแฟรนไชส์ต้องดูอะไรบ้าง?

ตอบ  การเลือกซื้อธุรกิจที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก  แต่ผู้ที่จะซื้อจะต้องมีการทำการบ้านมาก่อนอย่างน้อยที่สุดต้องไปดูร้านที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว  โดยเฉพาะร้านของแฟรนไชซี่และมีการสอบถามหรือศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนที่ใช้  จำนวนลูกค้าที่เข้าร้านแต่ละวัน  รายได้  ค้าใช้จ่าย  และผลกำไร  หากไม่สามารถได้คำตอบโดยตรงจากเจ้าของร้าน  คุณก็ต้องลองประเมินจากจำนวนที่ลูกค้าเข้าร้านและหักประมาณการค่าใช้จ่ายคุณก็จะประมาณยอดกำไรแต่ละเดือนออกมาได้  แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ  ต้องไม่ศึกษาเพียงร้านเดียว  เพราะถ้าคุณไปร้านเดียวอาจจะเจอร้านที่ไม่ดี  คุณก็จะตัดสินใจว่าธุรกิจนั้นไม่ดี  ซึ่งไม่ถูกต้อง  แต่คุณควรที่จะไปตรวจเยี่ยมให้มากที่สุด  เพื่อให้ได้ข้อมูลของร้านที่ดีและร้านที่ไม่ดี  ที่ทำให้สามารถประเมินออกมาได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด  สมมุติ ว่าคุณไปเยี่ยมทั้ง 10 ร้าน ปรากฏว่า 8 ร้านดี 2 ร้านไม่ดี คุณก็มั่นใจว่าธุรกิจนี้ใช้ได้แต่หากได้ผลตรงกันข้ามคุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า  ไม่น่าเสี่ยง อย่างนี้เป็นต้น  แต่ในกรณีที่ยังไม่มีร้านแฟรนไชซี่เปิดขั้นมากนัก  คุณก็ลองหาข้อมูลจากร้านสาขาที่เปิดอยู่  หรือถ้าร้านที่เปิดอยู่ยังมีน้อย  คุณก็ควรหาข้อมูลจากธุรกิจแบบเดียวกัน  จงจำไว้ว่า  10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น  และการตัดสินใจที่ดีที่สุดก็คือการหาข้อมูลประกอบกับการตัดสินใจของคุณเอง

10.แล้วแฟรนไชส์ประเภทไหนมีการขายแฟรนไชส์มากที่สุด?

ตอบ  ประเภทโรงเรียน เราจะเห็นว่า  โรงเรียนมีทางเลือกหลายอย่าง  เช่น  โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมีอยู่หลายราย  เช่น  อีเอฟอิงลิช เฟิร์ส, ไดเร็กอิงลิช, หรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก  ก็มีสมาร์ทอิงลิช, ฟันอิงลิชหรือโรงเรียนคณิตคิดเร็ว  เช่น  คุมอง ไดนามิค แมทช์, โรงเรียนสอนดนตรีเคพีเอ็นมิวสิค  โรงเรียนสอนศิลปะเด็กอาร์ตติโน  โรงเรียนสอนภาษาจีนโอเคแอลเอส  รวมๆแล้วมากกว่า  20 รายที่เป็นทางเลือก  และใน 2 ปีที่ผ่านมา  มีกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ด้านความงาม  และสปาเกิดขึ้นมากพอๆกับกลุ่มของการศึกษา  คือประมาณ 20 ราย ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเลือกได้มาก  เช่น  เฟส แอนด์ เฟิร์ม, สิเรียมบิ้วตี้, แคทรียา คอสเมด, ดร.สมชาย, คริสตี้ฟรองค์ ฯลฯ
 
9.แฟรนไชส์อาหาร มีการขายแฟรนไชส์มากที่สุดใช่หรือไม่?

ตอบ  ไม่ใช่  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันมากแฟรนไชส์อาหารมีมากก็จริง  แต่ถ้าเป็นรายที่มีชื่อเสียงเช่น  เคเอฟซี  พิซซ่าฮัท สตาร์บัคส์ ดังกิ้นโดนัทเป็นต้น จะเป็นแฟรนไชส์ที่ซื้อมาจากต่างประเทศ  แต่เมื่อมาอยู่ในไทย  บริษัทที่ซื้อเข้ามาจะขยายสาขาเอง  ดังนั้นร้านที่เราเห็นอยู่จะเป็นร้านสาขาของบริษัทใหญ่ทั้งหมด  ไม่ได้ขายต่อให้รายย่อย  ถึงแม้ว่าในไดเร็กทอรี่เล่มนี้จะมีรายชื่อของอาหารมากที่สุด  แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินผลเวลานี้ได้  เพราะกิจการที่เรานับควรจะมีความยั่งยืนเกิน 5 ปีขึ้นไป


8.จำนวนของคนที่ซื้อแฟรนไชส์ที่ไม่ประสบความสำเร็จมีเท่าไหร่?

ตอบ  ผู้ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จ  ยังไม่มีการสำรวจจริงออกมา  ดังนั้นจังไม่มีใครให้คำตอบนี้ได้ถูกต้อง  อย่างไรก็ตาม  หากเปรียบเทียบระหว่างการลงทุนด้วยตัวเองโดยลำพัง  กับการซื้อแฟรนไชส์กับการซื้อแฟรนไชส์ไปรอดสูงกว่า

7.จำนวนของแฟรนไชส์ที่ไม่ประสบความสำเร็จมีเท่าไหร่?


ตอบ  ในแต่ละปีที่นิตยสารของเราได้ทำการสำรวจบริษัทที่ทำแฟรนไชส์เพื่อจัดทำไดเร็กทอรี่นั้นพบว่า  จะมีแฟรนไชส์ที่เกทำไปแล้ว  หรือหยุดการขายไปประมาณ 20 ราย

6.อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้ขายแฟรนไชส์เติบโตไม่เกิน 20%?

ตอบ  ในด้านของผู้ขายแฟรนไชส์  คาดว่าไม่เกินกว่า 20% ถึงแม้ว่าในสายตาที่เรามองเห็นดูเหมือนว่ามี่แฟรนไชส์เกิดขึ้นเยอะมากในแต่ละปีแต่อย่าลืมว่าแฟรนไชส์ที่หยุดไปแล้วหรือหายไปก็มีไม่น้อยเช่นกันดังนั้นอัตราเพิ่มขึ้นในแต่ละปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20% มีสาเหตุหลายข้อที่ทำให้ด้านผู้ขายแฟรนไชส์เติบโตไม่เร็วนัก  แต่สาเหตุหลักคือความไม่แข็งแรงทางธุรกิจของบริษัทที่ขายแฟรนไชส์ขาดความพร้อมในการให้การสนับสนุนแฟรนไชซี่  จนประสบความสำเร็จ  บริษัทแม่มีปัญหาด้านเงินทุนการเปลี่ยนนโยบายใหม่ไม่ขายแฟรนไชส์  และที่สำคัญที่สุดคือ ความสามารถในการบริหารของผู้บริหาร
 
5.อะไรคือสาเหตุที่ทำให้การซื้อแฟรนไชส์เติบโตมากกว่า 40%?

ตอบ  1.ผู้ที่มีธุรกิจอยู่แล้วมีความต้องการที่จะลงทุนธุรกิจอื่นเพิ่มเติม
          2.มีกลุ่มที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการเป็นจำนวนมาก
          3.นอกจากนี้แล้วผู้ที่ขายแฟรนไชสืต่างมีนโยบายขยายสามสาขาเกือบเท่าตัวอย่างเช่นกลุ่มคอนวีเนียนสโตร์ ในแต่ละปีมีนโยบายขยายเพิ่มนับหลายร้อยสาขาหรือกลุ่มแฟรนไชส์ที่เกิดใหม่ อย่างเช่น เคพีเอ็นพลัส ก็ต้องการมากว่า 10 เท่าตัวเป็นต้น
          4.นโยบายการส่งเสริมเอส เอ็ม อีของภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือในกิจการขนาดกลาง-ขนาดย่อมทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์ติดกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือด้วยทำให้ตัวเลขการเติบโตด้านแฟรนไชซี่สูงลิ่ว

     ปัจจัยเหล่านี้ทำให้กลุ่มของผู้ซื้อแฟรนไชส์หรือที่เรียกว่า แฟรนไชซี่มีการขยายตัวมากกว่า 40% ของ...


4.อัตราการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์มีเท่าไหร่?

ตอบ  การเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ต้องแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือด้านผู้ซื้อแฟรนไชส์และด้านผุ้ขายแฟรนไชส์
          -ด้านผู้ซื้อแฟรนไชส์นั้นมีการเติบโตสูงมากว่า 40%
          -ด้านของผู้ขายแฟรนไชส์ คาดว่าไม่เกินกว่า 20%

3.เป็นแฟรนไชส์ของคนไทยจำนวนเท่าไหร่ของต่างประเทศ?

ตอบ  ในจำนวนนี้ประมาณ 70% เป็นของคนไทย อีกประมาณ 30% เป็นของต่างประเทศ

2.จำนวนธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยมีเท่าไหร่?

ตอบ  จำนวนธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทย ณ ปัจจุบันจะอยู่ในช่วง 200-400 รายแต่ธุรกิจแฟรนไชส์มีก่ารเข้า-ออกเร็ว จะเหลือที่มีอายุเกิน 5 ปี น่าจะประมาณ 200-250 ราย
 
1.ตอนนี้แฟรนไชส์อะไรมาแรง?

ตอบ  เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะไม่มีอะไรมาแรงแต่ถ้าหมายถึงจำนวนแฟรนไชส์ที่มีมากจะมีคำตอบตามลำดับดังนี้ คือ กลุ่มการศึกษากลุ่มธุรกิจความงาม กลุ่มร้านกาแฟ และกลุ่มอาหาร

อ้างอิงจาก  แฟรนไชส์โฟกัส
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนพฤษภาคม 2567..
24,636
“มูฟ อีวี เอกซ์” สร้างรายได้ดีแค่ไหน! ทำไมถึงน่า..
3,762
รวม 12 แฟรนไชส์โหนกระแส คนไทยไม่เคยลืม!
2,341
จริงมั้ย? กำเงิน 15 ล้านบาท ถึงจะซื้อแฟรนไชส์ DQ..
1,911
กลยุทธ์ “แดรี่ควีน” เจ้าไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเมืองไ..
1,272
จริงมั้ย? 7-Eleven เห็นทำเลไหนดี เปิดเองแข่งสาขา..
1,242
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด