อาหารที่ขายก็มีให้เลือกหลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ และในตอนนี้ไม่เพียงแต่อาหารสำหรับคนเท่านั้น แต่ฟู้ดทรัคในประเทศต้นกำเนิดอย่างสหรัฐอเมริกา มีร้านขายอาหารเคลื่อนที่สำหรับสัตว์แล้วด้วยค่า

และถ้าคุณอยากรู้ว่าร้านฟู้ดทรัคที่ขายอาหารสัตว์นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แน่นอนว่าเกริ่นมาสะขนาดนี้แล้ว ทาง ThaiFranchiseCenter.com ต้องนำเรื่องราวของ Food Truck for Pets มาฝากอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าร้านฟู้ดทรัคที่ขายอาหารสัตว์นี้แตกต่างกับฟู้ดทรัคที่ขายอาหารคนหรือไม่ ไปติดตามกันเลยจ้า


ร้านฟู้ดทรัคที่ขายอาหารสัตว์ที่เราจะพูดถึงนี้มีชื่อว่า Fido to go บริหารงานโดยสองสาว Tracy Werner และ Donna Santucci ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับวงการขายอาหารสัตว์นี้ เพราะว่า 9 ปีที่ผ่านมา Tracy Werner เคยเป็นเจ้าของและทำงานที่ร้านขายอาหารสัตว์เพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวในเมืองวีตัน รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา (Wheaton, IL) มาก่อน

อีกทั้ง Donna Santucci ยังจบการศึกษาและได้ใบรับรองจากสถาบัน Academy of Dog & Cat Grooming Arts. ที่เป็นโรงเรียนสอนเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง และเธอยังเรียนเพิ่มเติมในด้านผิวหนังและโภชนาการของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย


ต้องบอกว่าทั้งสองคนใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก เพราะอาหารและขนมที่จำหน่ายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสุนัขและแมวทั้งนั้น รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างแน่นอน

หลายคนเกิดคำถามว่าทำไมต้องเป็น Food Truck for Pets ทั้งคู่ให้คำตอบว่า “เราคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องสนุกสำหรับสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ ที่จะเข้าถึงพวกเขาได้ง่าย ๆ คล้ายกับรถไฮศกรีมที่เข้าถึงเด็ก ๆ ได้ง่าย” Fido to go จำหน่ายอาหารสัตว์เพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้แฮนด์เมดสำหรับสุนัข และลูกสุนัข เช่น คุกกี้บิสกิตข้าวสาลี และยังมีขนมอื่น ๆ อีกไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม ขนม เค้ก นมแช่แข็ง โยเกิร์ตแช่แข็งเป็นต้น



Fido to go มี 2 สาขาด้วยกัน คือสาขาแซนดีเอโก (San Diego) และสาขาชิคาโก (Chicago) ส่วนใหญ่ จะจอดขายตามสวนสาธารณะต่าง ๆ และ Fido to go ยังรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่อีกด้วย ซึ่งในแต่ละเดือน Fido to go จะแบ่งรายได้ 10 เปอร์เซ็นจากยอดขายให้กับองค์กรการกุศล

คำแนะนำจาก Donna Santucci หนึงในเจ้าของร้าน Fido to go

“ฉันรักที่จะพบเจอลูกค้าประจำ และลูกค้าใหม่ ๆ เพราะพวกเขารักสัตว์เลี้ยงเหมือนกับฉัน ฉันอยากบอกว่ามันมีความแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับการทำงานกับสัตว์เลี้ยง ถ้าคุณต้องทำงานกับสัตว์เลี้ยงสิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือความอดทนที่มากขึ้น”