กลายเป็นเรื่องทอร์คออฟเดอะทาวส์ในขณะนี้กับบทเพลง “เพื่อนหาย เพราะขายตรง” ที่หลายคนได้ยินได้ฟังกันมาแล้วหลายต่อหลายรอบ

แต่งานนี้ดูเหมือนว่าจะมีทั้งฝั่งที่ปลื้มและไม่ปลื้ม ในแง่มุมของคนฟังเพลงก็ต้องบอกเลยว่านี่คือเพลงที่แต่งมาได้สนุกร้องได้มันส์สมกับที่เป็นเร้กเก้แดนซ์ แต่คงไม่ปลื้มแน่สำหรับคนในแวดวงธุรกิจขายตรงที่หลายคนออกมาค้านหัวชนฝาบอกว่าให้เปลี่ยนชื่อเพลงดีกว่าไหม! เพราะชื่อนี้กระทบต่อการทำธุรกิจขายตรงมากเหลือเกิน!

 

www.ThaiFranchiseCenter.com ในฐานะที่อยู่กับแวดวงธุรกิจมานานมากเมื่อมีประเด็นน่าสนใจเช่นนี้ก็ฉุกคิดขึ้นมาเช่นกันว่าตกลงแล้วการทำธุรกิจขายตรงที่จะว่าไปก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำสำหรับคนที่ตั้งใจทำอย่างจริงจัง แต่ทำไมถึงดูเป็นเหมือนค่านิยมว่าอาชีพนี้ทำแล้วเพื่อนหาย ทำแล้วเพื่อนไม่คบ สงสัยกันไหมครับ ทำไม และทำไม!

 

“โทรไปไม่มีใครรับ เจอกันมันก็ไม่ทัก เห้ย เห้ย เห้ย” เป็นบทเพลงท่อนหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนมากที่มองเข้ามาในอาชีพขายตรงและแน่นอนว่าเนื้อร้องเหล่านี้ที่ทำให้ศูนย์วิชาการพลังเครือข่าย และนักธุรกิจขายตรงต้องออกมาล่ารายชื่อเพื่อขอให้ต้นสังกัดของศิลปินเปลี่ยนชื่อเพลงใหม่เพื่อให้ไม่กระทบต่อการทำอาชีพนี้

ซึ่งอันที่จริงธุรกิจขายตรงก็ไม่ได้ต่างกับธุรกิจอื่นๆมากนักเพียงแต่ช่องทางกระจายสินค้าเป็นแบบเชิงรุกคือใช้คนในการกระจายสินค้า รับส่วนแบ่งกำไรตามยอดซื้อ เพราะยอดซื้อจะแปลงให้เป็นค่าที่นำมาคิดเป็นเงินจ่ายตามสัดส่วนหรือแผนการตลาดที่ตั้งไว้ของแต่ละบริษัท

 

 

ธุรกิจขายตรงมีโอกาสสร้างรายได้หลักแสน-ล้านได้ ถ้าเทียบกับวงการคนทำงานออฟฟิตแล้วดีกว่าแน่ เพียงแต่รายได้ที่ดีก็ต้องเกิดจากความขยันที่มากเป็นพิเศษ ไม่อายในอาชีพ จึงจะเป็นโอกาสสร้างรายได้ของคนในอาชีพนี้

2.เป็นโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวให้กับทุกคน
 

ไม่ว่าจะจบแค่ ป.4  เรียนไม่จบหรือจบหมอมาก็ตาม ทุกคนสามารถทำได้ ทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ต้องมีวุฒิปริญญามาสมัครเพราะธุรกิจขายตรงให้โอกาสกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

 

ธุรกิจขายตรงมีโปรดีๆเจ๋งๆมากระตุ้นให้เครือข่ายทำแต้มอยู่ตลอดเวลา มีทริปไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ และบริษัทก็ทุ่มทุนจ่ายให้คุณจริงๆถ้าเทียบกับต้องทำงานออฟฟิศเก็บเงินเองคงใช้เวลานานมากนี่จึงเป็นข้อได้เปรียบที่ดีพอสมควร

4.ได้เรียนรู้เทคนิคการขายผ่านการอบรมเอาไปต่อยอดธุรกิจอื่นๆได้
 

ถึงแม้บางคนจะไม่ได้ทำธุรกิจขายตรงไปตลอดชีวิต แต่เทคนิคที่เราได้เรียนนี้จะสามารถเอาไปใช้ได้ตลอดชีวิต “การรู้จักปิดการขาย” เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไรย่อมต้องมีการซื้อขาย และถ้าคุณปิดการขายเป็นย่อมสร้างรายได้ให้คุณง่ายขึ้น อนาคตคุณอาจจะมีธุรกิจส่วนตัวคุณก็ยังสามารถเอาเทคนิคการขายไปใช้ได้ตลอดเช่นกัน

 

แต่ถึงข้อดีของธุรกิจขายตรงจะน่าสนใจแต่เชื่อหรือไม่ว่าหลายคนเลือกมองข้ามและมองมาที่จุดอ่อนของอาชีพนี้คือ

และนี่ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดการถกเถียงว่าขายตรงแล้วทำไมเพื่อนถึงไม่อยากคบ ทุกอย่างเป็นความรู้สึกที่หลายคนอาจจะเคยถูกหลอก เคยโดนลูกค้าต่อว่า จนกลายเป็นจุดด้อยในใจพอมีใครมานำเสนออาชีพนี้ก็ไม่พิจารณาเหตุผลอื่นเหมารวมว่าไม่ดีและไม่อยากทำ นำไปสู่การหลีกหนีจากเพื่อนซึ่งถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่าหลีกหนีจากการถูกชวนมากกว่า

 

ธุรกิจขายตรงที่ดีนั้นมีอยู่อีกมาก ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ก็มีไม่น้อยแต่คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่าการขายตรงเป็นเนื้อเดียวกับธุรกิจลูกโซ่ ซึ่งแท้ที่จริงนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิงเพียงแต่วิธีการอาจสื่อความหมายให้คิดได้อย่างนั้นถ้าจะเปลี่ยนอาชีพขายตรงให้เป็นทัศนคติด้านบวกคงเป็นงานยากที่คงต้องใช้เวลาอธิบายให้เห็นภาพในความแตกต่างนี้

 

เมื่อมีคอร์สอบรมหรือการจัดงานเกี่ยวเนื่องกับการให้ความรู้ส่วนใหญ่นักธุรกิจขายตรงต้องควักเงินเป็นค่าใช้จ่ายตัวเองเหตุนี้ทำให้หลายคนมองว่าเพิ่งจะมาเริ่มทำยังไม่มีลูกค้า ยังไม่มีเงิน แทนที่จะมีรายได้กลับกลายเป็นเพิ่มรายจ่ายมากกว่า

 

จะว่าไปแล้วธุรกิจขายตรงจริงๆก็ยังมีข้อดี แต่วิธีทำการตลาดที่ผ่านมาทำให้คนมองไปในแง่ลบและติดภาพลบกันซะส่วนใหญ่ ทุกวันนี้ธุรกิจขายตรงหลายตัวจึงพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการขายเพื่อให้สามารถทำการตลาดได้ต่อไป

ถ้าหากเรามั่นใจและยึดมั่นในอาชีพนี้ก็ไม่จำเป็นต้องลังเล นี่คืองานสุจริตที่มีอนาคตเช่นกันสำคัญคือต้องรู้จักเลือกให้ดี ทุ่มเทให้เต็มที่รายได้ที่ดีก็ตามมาได้ง่ายๆแน่นอน