บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การหาลูกค้า วิจัยทางการตลาด
1.5K
2 นาที
14 ตุลาคม 2559
5 วิธีทำตลาดสุดแนว! แปลกแต่ดี!

เชื่อว่าทฤษฏีการตลาดนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะทางตรง ทางอ้อม หรือการตลาดที่ฮาร์คดคอหน่อยก็ต้อง guerrilla marketing แต่ใช่ว่าการตลาดที่ดีจะมีอยู่เพียงเท่านี้ยังมีทฤษฏีการตลาดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็มีคนทำให้เป็นไปได้ เรียกว่าแปลกแหวกแนวชนิดที่คนเห็นก็อาจจะงงว่าคืออะไร และทำไปทำไม? แต่เชื่อหรือไม่วิธีเหล่านี้ทำให้ธุรกิจนั้นๆ ได้รับความนิยมจนล้นหลามกันเลยทีเดียว
 
และเพื่อพาทุกคนไปเปิดโลกกว้างมองเห็นการตลาดที่แตกต่าง www.ThaiFranchiseCenter.com  จึงรวบรวมเอา 5 วิธีทำตลาดแบบสุดแปลกที่สุดท้ายเจ้าของธุรกิจได้รับผลกำไรจากความแปลกนี้ไปเต็มๆ ขอบอกว่าใครที่อ่านแล้วมีไอเดียที่ดีกว่านี้แปลกกว่านี้เชิญนำเสนอมาที่เราได้ ยิ่งแปลกคนยิ่งสนใจครับงานนี้
 
1.น้ำอะไรก็ได้ จากประเทศสิงคโปร์

ที่ประเทศสิงคโปร์เจอปัญหาหนึ่งเหมือนที่บ้านเราชอบเจอนั้นคือ “นึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดี” งานนี้ไม่ใช่แค่อาหารแม้แต่น้ำบางทีเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะสั่งน้ำอะไรดี นึกอะไรไม่ออกก็สั่งๆไปแบบที่เคยๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของสิงคโปร์เขาก็มองปัญหาเรื่องนี้ให้กลายเป็นกลยุทธ์การตลาด นำมาสู่คำว่า “น้ำอะไรก็ได้” ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบรนค์คือ
 
“Whatever” และ “Anything” เสน่ห์ของเรื่องนี้คือคนกินต้องลุ้นเอาเองว่า “เปิดมาแล้วจะเจอน้ำอะไรซึ่งขอบอกว่าน้ำที่บรรจุข้างในก็คือน้ำอัดลมธรรมดาๆ แต่ที่ทำให้คนสนใจคือไม่รู้ว่าเป็นรสชาติอะไรเท่านั้นเอง และสโลแกนที่เขาเอามากระตุ้นให้คนสนใจก็คือ “กับข้าวอร่อยกินคู่กับน้ำอะไรก็ได้” เชื่อหรือไม่ว่าคิดเพียงแค่นี้แต่มียอดขายถล่มทลายดีกว่าน้ำอัดลมทั่วไปหลายเท่าตัวทีเดียว

2. Million Dollar Homepage
Alex Tew บุคคลผู้สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับมีความคิดที่ไม่ธรรมดา กับการสร้างเว็บไซต์หนึ่งขึ้นมาแล้วมีช่องเล็กๆที่เรียกว่า Pixel ซึ่งมีจำนวนมากมายประมาณ 1ล้านPixel คำถามคือว่า เขาทำไปเพื่ออะไร? คำตอบก็คือ นี่คือการเปิดพื้นที่โฆษณาสุดแปลกแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หลังจากที่สร้างเว็บไซต์ซึ่งบรรจุไปด้วย Pixeld กว่า1ล้านช่อง

เขาก็ติดต่อหาคนลงโฆษณาในราคาเพียง 1 เหรียญ ต่อ 1 Pixel แม้ใครจะมองว่าเป็นเรื่องที่สุดแสนจะตลกแต่เขาก็สามารถทำให้เป็นจริงได้คือสามารถขายพื้นที่กว่า 1 ล้าน Pixeld นี้หมดภายในเวลาแค่ 5 เดือน และที่แน่นอนยิ่งกว่าคือเมื่อคำนวณรายได้แล้ว Alex Tew มีรายรับจากการตลาดสุดแนวของเขานี้มากถึง 30 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
 
3. Aunt Stella’s Cookies

ร้านบุฟเฟ่ต์ขนมคุกกี้ที่มีชื่อว่าร้าน Aunt Stella’s Cookies ที่มีแนวคิดต้องการให้เป็นร้านประเภท all-you-can-eat cookie buffet ร้านนี้อยู่ในกรุงโตเกียว ซึ่งทางร้านมีคุกกี้กว่า 100 ชนิดหมุนเวียนมาให้บริการ โดยจะจำหน่ายครั้งละ 15 ชนิด พร้อมเครื่องดื่มให้เลือก 14 ชนิด มีตั้งแต่ชา กาแฟ ไปจนถึงน้ำผลไม้

สำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่คอบุฟเฟ่ต์ก็สามารถสั่งอาหารชุดมาตรฐานทั่วไป เช่น เครื่องดื่ม 1 อย่าง คุกกี้ 2 ชิ้น ราคาเริ่มที่ 473 เยน หรือราวๆกว่า 160 บาท แต่ถ้ามั่นใจในความสามารถว่ากินได้มากและไม่อั้น

ทางร้านตั้งราคาบุฟเฟ่ต์ไว้ที่หัวละ 880 เยน หรือเกือบๆ 300 บาท ก็สามารถเลือกตักได้เต็มเหนี่ยวภายในเวลา 60 นาทีซึ่งทางร้านจะเขียนป้ายบอกเวลาเริ่มกินอาหารใส่มาให้ในถาดเพื่อเป็นการเตือนให้ระวังเรื่องเวลาด้วยเพราะถ้าเกินก็อาจต้องจ่ายเพิ่มได้เช่นกัน
 
4.Tsutaya Book Store
เรียกว่าเป็นไอเดีย all-you-can-read หรือแปลเป็นไทยเข้าใจง่ายก็คือการอ่านได้แบบไม่อั้น เป็นการAdapt กันระหว่างร้านหนังสือ Tsutaya และร้านกาแฟอย่างStarbucks โดยเปิดให้บริการเช่นนี้ทั้งหมด 6 สาขาในกรุงโตเกียว

ความพิเศษคือร้านกาแฟเหล่านี้จะมีร้านหนังสือตั้งอยู่ติดกัน และทางร้านก็เปิดโอกาสให้ลูกค้าหยิบหนังสือ(จากร้านหนังสือ) มานั่งอ่านระหว่างละเลียดกาแฟของสตาร์บัคส์ จะอ่านกี่เล่มก็ได้ แต่มีกฎว่าให้หยิบมาได้ทีละเล่ม

และต้องเป็นเล่มที่ไม่ได้ห่อพลาสติกเอาไว้เท่านั้น แม้จะดูคล้ายๆ กับบ้านเราที่มีมุมนิตยสารตามร้านกาแฟแต่นี่เปิดเป็นคลังหนังสือให้อ่านอย่างจุใจแม้ไม่ได้ทุกเล่มแต่ก็ทำให้คนสนใจเข้าร้านกาแฟและร้านหนังสือมากขึ้นเช่นกัน
 
5. Ginza Panorama

นี่คือแนวคิดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถไฟ ซึ่งเสน่ห์ของคนชอบรถไฟคงไม่มีอะไรบันเทิงใจมากไปกว่าการได้นั่งทานอาหารแบบที่สามารถเห็นวิวเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ และนั้นก็คือแนวคิดของร้านอาหารอย่าง Ginza Panorama ซึ่งเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีโมเดลสถานีรถไฟในญี่ปุ่นและรถไฟของเล่นวิ่งปู๊นๆอยู่ภายในร้านถึง 700 ตู้โดยสาร!

และงานนี้ก็ไม่ได้มีแค่รถไฟจำลองเท่านั้นแต่เมนูของทางร้านยังมีชื่ออาหารและเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบริการรถไฟในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยเช่นเครื่องดื่มค็อกเทลที่ชื่อโรแมนซ์คาร์ (Romance Car) มาจากชื่อรถไฟสายด่วนที่วิ่งไปเมืองฮาโกเนะ หรือ ดอกเตอร์ เยลโลว์ (Doctor Yellow) ซึ่งเป็นชื่อรถไฟที่ใช้วิ่งทดสอบระบบรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางของรถไฟชินกันเซ็น เป็นต้น  
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
715
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
532
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
433
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด